มากมายหลายกระแสทั้งผู้รู้จริงและผู้ที่คาดเดาเอาตามกระแส
จนถึงทุกวันนี้ก็มีเพียงกลุ่มคนเล็กๆเท่านั้นที่มีการเตรียมตัวกันอย่างจริงจัง
ลุงพบมีคนญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งมาตั้งหมู่บ้านเล็กๆของเขาในเขตชนบท ห่างจากหมู่บ้านอื่นๆพอสมควร
ช่วงรอยต่อของอำเภอสะเมิงกับอำเภอแม่ริม ใช้ชีวิตกันแบบพึ่งพาภายนอกชุมชนน้อยมาก
พื้นที่บริเวณหมู่บ้านมีการปลูกพืชอาหาร ที่เพียงพอกับคนในกลุ่มบ้านนั้น(ประมาณ 20 หลังคาเรือน)
เช่นพวกกันแกว มันฝรั่ง เผือก(เขาเน้นอาหารที่มีหัวในดิน คิดว่าเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะมีเพียงอาหารพวกนี้แหละที่ปลอดภัยอยู่ในดินไม่ ต้องมาเก็บไว้ในบ้าน นานหลายเดือน)
ลุงไปเที่ยวพูดคุยกับเขา พบว่าเป็นช่วงที่เขากำลังจัดงานปิดไฟฟ้าไม่พึ่งพาอาหารนอกชุมชน
ประทับใจมากเพราะเขาสามารถอยู่กันได้โดยไม่ต้องอาศัยไฟฟ้า
และไม่ไปซื้ออาหารจากนอกชุมชน เลย เป็นเวลา 7 วัน (คงเป็นการทดสอบระบบ)
ทุกบ้านมีแท้งPVC ขนาดใหญ่ที่เก็บน้ำที่พอใช้บริโภคได้เป็นเดือน
รวมทั้งมีโรงพยาบาลเล็กๆในชุมชนที่มีความพร้อมขนาดที่ลุงเห็นแล้วตกใจ
บ้านเก็บทุกหลังสร้างจากไม้ หลังคามุงสังกะสีทับด้วยหญ้าคา
(คงป้องกันการพังทลายจากเหตุแผ่นดินไหว)
มีห้องประชุมกลางของหมู่บ้านที่ทำเป็นเหมือนหลุม ขนาดใหญ่และใช้ซุงทำเป็นคล้ายกระโจมร้อยด้วยเชือกสลิงทำเป็นหลังคา (คงเอาไว้หลบภัยถ้ามีอะไรตกจากท้องฟ้าลุงเดาเอา)
ทุกหลังคาเรือนมีระบบไฟสำรองคือแบตเตอรี่บ้านละ 5-10ลูกไม่นับไฟฉาย
มีถ่านฟื้นทุกบ้านกองเบ้อเริ่ม
และอะไรๆอีกมากมายเล่าไม่จบ
สิ่งที่ทุกคนในชุมชนเล็กๆนี้ พูดคุยกันตลอดก็คือ
BEST PLACE หรือบ้านที่ปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจ
เขาอนุญาตให้คนนอกชุมชนเข้าไปน้อยครั้งอย่างที่รู้เรื่องนะ
แต่เวลาขับรถผ่านถ้าไม่ลงไปถามลักษณะภายนอกก็ดูเหมือนชุมชนชนบทบ้านเราหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านหนึ่งเท่านั้นเอง
ลุงไปเจอและรู้จักเขาเพราะบังเอิญเจอกันที่วัดเลย รู้เรื่องเอา(ขออนุญาตไม่ระบุที่ชัดเจนนะเพราะรับปากเขาไว้แล้ว เขาขี้เกียจมีคนไปรบกวนและตอบคำถามคนที่ไปเยาะเย้ยถางถางว่าบ้าอะไรพรรณ์ นี้)
คนจากประเทศอื่นกว่าครึ่งร้อยกำลังมาเตรียมพร้อมในบ้านเรา
ลุงถามว่าทำไมเลือกตรงนี้ เขาตอบว่ามีคนคำนวนทั้งทางธรณีวิทยา และศาสตร์ต่างๆแล้วที่นี่ปลอดภัยที่สุดทั้งจากภัยทางธรรมชาติทางน้ำ ทางแผ่นดินไหว(อันนี้ไม่แน่ใจบ้านลุงไหวมา หลายครั้งแล้วในช่วงนี้แรงด้วย แต่คงน้อยกว่าที่ญี่ปุ่น ) และความมีน้ำใจของคนที่จะไม่ฆ่าฟันกันเองในขณะที่เกิดความอดอยาก เพราะมีทางเลือกด้านอาหารมากกว่าภาคอื่นๆ
ที่สำคัญคือ เขามีการเตรียมตัวกันอย่างจริงจัง และเป็นกลุ่มที่มีอะไรจะได้ช่วยกันได้เต็มที่
มากกว่าคนที่รู้แล้วต่างคนต่างเตรียม
ลุงอยากจะชวนให้มีกลุ่มคนที่มีความเชื่อมั่นและพร้อมที่จะเลือกชุมชนใหม่ด้วยกันมาคิดร่วงมกันมา
ทำชุมชนอย่างนี้ด้วยกันจะดีใหมครับ
มีใครสนใจบ้างครับ
เราลองมาจับกลุ่มใหญ่ๆคุยกันและหาหมู่บ้านเพื่อการอยู่รอดกันดีใหมครับ
ลุงมีข้อมูลที่เขาคาดเดาว่าอะไรจะเกิดเล่าให้ฟัง
1.เขาเชื่อว่าภัยพิบัติจะเกิดจากแผ่นดินไหว ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา เขาเชื่อว่ามังกร(ประเทศญี่ปุ่นจะบินขึ้นผงาดบนฟ้าแล้วหายไป คงหมายถึงประเทศญี่ปุ่นหายไป) จะทำลายโลกอย่างแน่นอนและปรากการณ์อย่างหนึ่งคือพื้นหินชั้นใต้ดินที่เก็บ น้ำไว้จะแตกหัก ถ้านำไม่ลงไปข้างล่างก็จะขึ้นมาข้างบนจะทำให้ขณะเกิดเหตุน้ำจะเจิ่งนองไปหมด ยังไม่นับที่เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำต่างๆพังทลายลงไป ลองนึกภาพ เขื่อนใหญ่ทั้งหมดของเราแตกพร้อมกัน ทำให้นึกถึงภาพขนาดของน้ำจำนวนมหาศาลที่จะกวาดลงไปตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีเขื่อนแม่งัดแม่กวง เขื่อกิ่วลมที่ลำปาง เขื่อสิริกิตต์ที่อุตรดิตถ์ เขื่อนภูมิพลที่ตาก แตกพร้อมๆกันขณะเกิดแผ่นกดินไหวที่บ้านพักอาศัยพังทลายไปแล้ว ทุกอย่างก็จะถูกกวาดไปลงทะเล (อย่าลืมคิดคำนวนปริมาณน้ำที่โผล่ออกมาจากใต้ดินที่เกิดจากชั้นหินที่เก็บ น้ำไว้ถูกทำให้แตกหักทำลาย)
2.ความอดอยาก จะตามมาหลังเหตุการณ์ที่ 1 ที่ตามก็คือน้ำที่มีอยู่ก็จะหายไปอย่างรวดเร็วจากที่ชั้นหินที่อยู่ไต้ดิน ที่ทำหน้าที่อุ้มน้ำมีรอยรั่ว บ่อน้ำที่มีอยู่จากบ่อน้ำหรือที่หาได้ก็จะหมดไป น้ำสะอาดจะหายากขึ้น ยังไม่พออาหารเท่าที่มีจะถูกกวาดไป คือแผ่นดินไหวทำลาย แล้วน้ำก็กวาดไปทิ้ง ที่เหลืออยู่ก็ไม่พอบริโภค
3.สงครามแย่งอาหาร และสงครามเต็มพื้นที่
ดังนั้นเขาจึงเตรียม สถานที่ๆไม่ถูกทำลายจากแผ่นดินไหว เลือกภูเขาที่ไม่สูงห่างจากแนวร่องลำน้ำที่มีเขื่ออยู่ต้นน้ำ เตรียมน้ำ อาหาร และยารักษาโรคอย่างพอเพียง(มากกว่าคน100 คนต้องการร่วม10เท่า) รวมทั้งมีการใช้วิทยุคลื่นสั้นติดต่อกันระหว่างบ้าน แทนที่จะเลือกใช้การสื่อสารที่ทันสมัยอย่างอื่นๆ
ลุงอยากจะหาแนวร่วมที่อยากมาอยู่เชียงใหม่ด้วยกัน
ศึกษาหาพื้นที่ที่ปลอดภัย(ไม่ได้กลัวตายนะ แต่อยากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและความเปลี่ยนแปลง ไม่อยากตายตอนหัวม้วน เพราะตอนกลางเรื่องอาจจะได้เห็นอะไรที่ทั้งชีวิตไม่เคยเจอมา)
หวังว่าจะมีผู้ร่วมบุญกับลุงมาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
ขอบุญกุศลคุ้มครองทุกคน
ท่าทางญี่ปุ่นจะมาซ่อนตัวอยู่เมืองไทยกันเยอะจริงๆ
จนถึงทุกวันนี้ก็มีเพียงกลุ่มคนเล็กๆเท่านั้นที่มีการเตรียมตัวกันอย่างจริงจัง
ลุงพบมีคนญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งมาตั้งหมู่บ้านเล็กๆของเขาในเขตชนบท ห่างจากหมู่บ้านอื่นๆพอสมควร
ช่วงรอยต่อของอำเภอสะเมิงกับอำเภอแม่ริม ใช้ชีวิตกันแบบพึ่งพาภายนอกชุมชนน้อยมาก
พื้นที่บริเวณหมู่บ้านมีการปลูกพืชอาหาร ที่เพียงพอกับคนในกลุ่มบ้านนั้น(ประมาณ 20 หลังคาเรือน)
เช่นพวกกันแกว มันฝรั่ง เผือก(เขาเน้นอาหารที่มีหัวในดิน คิดว่าเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะมีเพียงอาหารพวกนี้แหละที่ปลอดภัยอยู่ในดินไม่ ต้องมาเก็บไว้ในบ้าน นานหลายเดือน)
ลุงไปเที่ยวพูดคุยกับเขา พบว่าเป็นช่วงที่เขากำลังจัดงานปิดไฟฟ้าไม่พึ่งพาอาหารนอกชุมชน
ประทับใจมากเพราะเขาสามารถอยู่กันได้โดยไม่ต้องอาศัยไฟฟ้า
และไม่ไปซื้ออาหารจากนอกชุมชน เลย เป็นเวลา 7 วัน (คงเป็นการทดสอบระบบ)
ทุกบ้านมีแท้งPVC ขนาดใหญ่ที่เก็บน้ำที่พอใช้บริโภคได้เป็นเดือน
รวมทั้งมีโรงพยาบาลเล็กๆในชุมชนที่มีความพร้อมขนาดที่ลุงเห็นแล้วตกใจ
บ้านเก็บทุกหลังสร้างจากไม้ หลังคามุงสังกะสีทับด้วยหญ้าคา
(คงป้องกันการพังทลายจากเหตุแผ่นดินไหว)
มีห้องประชุมกลางของหมู่บ้านที่ทำเป็นเหมือนหลุม ขนาดใหญ่และใช้ซุงทำเป็นคล้ายกระโจมร้อยด้วยเชือกสลิงทำเป็นหลังคา (คงเอาไว้หลบภัยถ้ามีอะไรตกจากท้องฟ้าลุงเดาเอา)
ทุกหลังคาเรือนมีระบบไฟสำรองคือแบตเตอรี่บ้านละ 5-10ลูกไม่นับไฟฉาย
มีถ่านฟื้นทุกบ้านกองเบ้อเริ่ม
และอะไรๆอีกมากมายเล่าไม่จบ
สิ่งที่ทุกคนในชุมชนเล็กๆนี้ พูดคุยกันตลอดก็คือ
BEST PLACE หรือบ้านที่ปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจ
เขาอนุญาตให้คนนอกชุมชนเข้าไปน้อยครั้งอย่างที่รู้เรื่องนะ
แต่เวลาขับรถผ่านถ้าไม่ลงไปถามลักษณะภายนอกก็ดูเหมือนชุมชนชนบทบ้านเราหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านหนึ่งเท่านั้นเอง
ลุงไปเจอและรู้จักเขาเพราะบังเอิญเจอกันที่วัดเลย รู้เรื่องเอา(ขออนุญาตไม่ระบุที่ชัดเจนนะเพราะรับปากเขาไว้แล้ว เขาขี้เกียจมีคนไปรบกวนและตอบคำถามคนที่ไปเยาะเย้ยถางถางว่าบ้าอะไรพรรณ์ นี้)
คนจากประเทศอื่นกว่าครึ่งร้อยกำลังมาเตรียมพร้อมในบ้านเรา
ลุงถามว่าทำไมเลือกตรงนี้ เขาตอบว่ามีคนคำนวนทั้งทางธรณีวิทยา และศาสตร์ต่างๆแล้วที่นี่ปลอดภัยที่สุดทั้งจากภัยทางธรรมชาติทางน้ำ ทางแผ่นดินไหว(อันนี้ไม่แน่ใจบ้านลุงไหวมา หลายครั้งแล้วในช่วงนี้แรงด้วย แต่คงน้อยกว่าที่ญี่ปุ่น ) และความมีน้ำใจของคนที่จะไม่ฆ่าฟันกันเองในขณะที่เกิดความอดอยาก เพราะมีทางเลือกด้านอาหารมากกว่าภาคอื่นๆ
ที่สำคัญคือ เขามีการเตรียมตัวกันอย่างจริงจัง และเป็นกลุ่มที่มีอะไรจะได้ช่วยกันได้เต็มที่
มากกว่าคนที่รู้แล้วต่างคนต่างเตรียม
ลุงอยากจะชวนให้มีกลุ่มคนที่มีความเชื่อมั่นและพร้อมที่จะเลือกชุมชนใหม่ด้วยกันมาคิดร่วงมกันมา
ทำชุมชนอย่างนี้ด้วยกันจะดีใหมครับ
มีใครสนใจบ้างครับ
เราลองมาจับกลุ่มใหญ่ๆคุยกันและหาหมู่บ้านเพื่อการอยู่รอดกันดีใหมครับ
ลุงมีข้อมูลที่เขาคาดเดาว่าอะไรจะเกิดเล่าให้ฟัง
1.เขาเชื่อว่าภัยพิบัติจะเกิดจากแผ่นดินไหว ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา เขาเชื่อว่ามังกร(ประเทศญี่ปุ่นจะบินขึ้นผงาดบนฟ้าแล้วหายไป คงหมายถึงประเทศญี่ปุ่นหายไป) จะทำลายโลกอย่างแน่นอนและปรากการณ์อย่างหนึ่งคือพื้นหินชั้นใต้ดินที่เก็บ น้ำไว้จะแตกหัก ถ้านำไม่ลงไปข้างล่างก็จะขึ้นมาข้างบนจะทำให้ขณะเกิดเหตุน้ำจะเจิ่งนองไปหมด ยังไม่นับที่เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำต่างๆพังทลายลงไป ลองนึกภาพ เขื่อนใหญ่ทั้งหมดของเราแตกพร้อมกัน ทำให้นึกถึงภาพขนาดของน้ำจำนวนมหาศาลที่จะกวาดลงไปตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีเขื่อนแม่งัดแม่กวง เขื่อกิ่วลมที่ลำปาง เขื่อสิริกิตต์ที่อุตรดิตถ์ เขื่อนภูมิพลที่ตาก แตกพร้อมๆกันขณะเกิดแผ่นกดินไหวที่บ้านพักอาศัยพังทลายไปแล้ว ทุกอย่างก็จะถูกกวาดไปลงทะเล (อย่าลืมคิดคำนวนปริมาณน้ำที่โผล่ออกมาจากใต้ดินที่เกิดจากชั้นหินที่เก็บ น้ำไว้ถูกทำให้แตกหักทำลาย)
2.ความอดอยาก จะตามมาหลังเหตุการณ์ที่ 1 ที่ตามก็คือน้ำที่มีอยู่ก็จะหายไปอย่างรวดเร็วจากที่ชั้นหินที่อยู่ไต้ดิน ที่ทำหน้าที่อุ้มน้ำมีรอยรั่ว บ่อน้ำที่มีอยู่จากบ่อน้ำหรือที่หาได้ก็จะหมดไป น้ำสะอาดจะหายากขึ้น ยังไม่พออาหารเท่าที่มีจะถูกกวาดไป คือแผ่นดินไหวทำลาย แล้วน้ำก็กวาดไปทิ้ง ที่เหลืออยู่ก็ไม่พอบริโภค
3.สงครามแย่งอาหาร และสงครามเต็มพื้นที่
ดังนั้นเขาจึงเตรียม สถานที่ๆไม่ถูกทำลายจากแผ่นดินไหว เลือกภูเขาที่ไม่สูงห่างจากแนวร่องลำน้ำที่มีเขื่ออยู่ต้นน้ำ เตรียมน้ำ อาหาร และยารักษาโรคอย่างพอเพียง(มากกว่าคน100 คนต้องการร่วม10เท่า) รวมทั้งมีการใช้วิทยุคลื่นสั้นติดต่อกันระหว่างบ้าน แทนที่จะเลือกใช้การสื่อสารที่ทันสมัยอย่างอื่นๆ
ลุงอยากจะหาแนวร่วมที่อยากมาอยู่เชียงใหม่ด้วยกัน
ศึกษาหาพื้นที่ที่ปลอดภัย(ไม่ได้กลัวตายนะ แต่อยากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและความเปลี่ยนแปลง ไม่อยากตายตอนหัวม้วน เพราะตอนกลางเรื่องอาจจะได้เห็นอะไรที่ทั้งชีวิตไม่เคยเจอมา)
หวังว่าจะมีผู้ร่วมบุญกับลุงมาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
ขอบุญกุศลคุ้มครองทุกคน
ส่วนใหญ่พอเอ่ยชื่อ ต้องตกตะลึง ที่เจ้าของบริษัทใหญ่ๆมารวมกันที่นี่
นักวิทยาศาสตร์ ชั้นยอดเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี่ขอญี่ปุ่น ใช้เวลาปีละกว่า 5-6 เดือนอยู่ที่นี่
*******************
เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกนี้มาเพื่อเป็นทำการอะไรบางอย่าง หรือเตรียมการอพยพ ผู้คนจำนวนมากมาในอนาคต เพราะคิดว่าเกาะญี่ปุ่นอาจไม่ปลอดภัย
....อยู่ที่ใหนก็ได้...ที่ห่างไกลผู้คนมากที่สุด หรือ เข้าถึงได้ยาก เรียกว่า ที่ตาบอด น่าจะดีกว่า....เพราะคนด้วยกันนี่แหล่ะ อันตรายที่สุด ....เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่จะคิด
มีหมู่บ้านญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่ ทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน มีเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ เฉียดผ่านเส้นทาง ในระยะ ๑-๒ กม และต้องเดินทางจากสถานีรถไฟนี้ เข้าไปในหุบเขาลึก อีกประมาณ กว่า ๓๐ กิโลเมตร ทราบมาว่า เป็นหมู่บ้านพึ่งพาตนเอง และเกือบตัดขาดกับ โลกภายนอก...มีเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่อาศัยในหมู่บ้าน...เกือบไม่มีคนไทยเลย ที่นี่ รับรองว่า อย่าว่าแต่คนต่างถิ่นเลย แม้แต่คนเหนือในลำพูน ก็ น้อยคนนักที่จะรู้จัก....แบบนี้ซิถึงจะน่าสนใจ
นักวิทยาศาสตร์ ชั้นยอดเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี่ขอญี่ปุ่น ใช้เวลาปีละกว่า 5-6 เดือนอยู่ที่นี่
*******************
เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกนี้มาเพื่อเป็นทำการอะไรบางอย่าง หรือเตรียมการอพยพ ผู้คนจำนวนมากมาในอนาคต เพราะคิดว่าเกาะญี่ปุ่นอาจไม่ปลอดภัย
....อยู่ที่ใหนก็ได้...ที่ห่างไกลผู้คนมากที่สุด หรือ เข้าถึงได้ยาก เรียกว่า ที่ตาบอด น่าจะดีกว่า....เพราะคนด้วยกันนี่แหล่ะ อันตรายที่สุด ....เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่จะคิด
มีหมู่บ้านญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่ ทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน มีเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ เฉียดผ่านเส้นทาง ในระยะ ๑-๒ กม และต้องเดินทางจากสถานีรถไฟนี้ เข้าไปในหุบเขาลึก อีกประมาณ กว่า ๓๐ กิโลเมตร ทราบมาว่า เป็นหมู่บ้านพึ่งพาตนเอง และเกือบตัดขาดกับ โลกภายนอก...มีเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่อาศัยในหมู่บ้าน...เกือบไม่มีคนไทยเลย ที่นี่ รับรองว่า อย่าว่าแต่คนต่างถิ่นเลย แม้แต่คนเหนือในลำพูน ก็ น้อยคนนักที่จะรู้จัก....แบบนี้ซิถึงจะน่าสนใจ
ท่าทางญี่ปุ่นจะมาซ่อนตัวอยู่เมืองไทยกันเยอะจริงๆ