จับตาการเรียงตัวของดาวเคราะห์ช่วงวันที่ 15-30 มิถุนายน คศ 2011
ระดับความรุนแรง:
ปานกลาง-มาก ช่วงเวลา:
Thu, 2011-06-16 - Thu, 2011-06-30 เนื่องจากพลังงานในรูปแบบของประจุไฟฟ้านั้นมีขนาดใหญ่กว่าพลังงานแสงที่ โลกได้รับมาก จึงเป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดภัยพิบัติบนโลก ซึ่งทำให้โลกมีการเปลี่ยน แปลงอย่างฉับพลันในช่วงที่พลังงานนี้มาถึงโลก จากการทดลองตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาพบว่า ภัยธรรมชาติบนโลกจะเกิดขึ้นหลังจากพลังงานนี้ถึงโลก (ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งถึงสองวัน) จึงมีความจำเป็นต้องศึกษาเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คาดการณ์ช่วงเวลา การเกิดภัยธรรมชาติได้เที่ยงตรงมายิ่งขึ้น นอกจากเรื่องของมุมมองเกี่ยวกับประจุไฟฟ้าแล้ว เราพบนัยสำคัญของแนวเรียงตัวในมุม 90 และ 270 องศา ที่ทำให้เกิดปฏิกริยาดวงอาทิตย์ จึงทำให้เราสามารถมองปรากฏการณ์นี้ในรูปแบบของคลื่นในแนววงโคจรดาวเคราะห์ ได้อีกด้วย การหาคำอธิบายทางฟิสิกส์นั้นยังเป็นที่ศีกษากันอยู่ แต่แนวความคิดนี้ได้นำไปใช้ประโยชน์ในการพยากรณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกได้ ทันทีเพราะเป็นปรากฏการ์ที่ทุกคนสามารถสังเกตุได้
ในช่วงระหว่างวันที่ 16-30 มิถุนายน นั้น คาดว่าจะเป็่นช่วงที่ปฏิกริยาที่ดวงอาทิตย์จะไม่สูงเท่ากับช่วงก่อนหน้านี้ ภัยธรรมชาติอาจอยู่ในรูปแบบของสภาพอากาศแปรปรวนเป็นหลักโดยเริ่มจาก
วันที่ 18 มิถุนายน 1UTC จะมีการเรียงตัวระหว่าง ดวงอาทิตย์ ดาวพุธ และ ดาวพฤหัส ซึ่งคาดว่าดวงอาทิตย์จะมีการระเบิดอีกครั้งซึ่งอาจจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 ซึ่งจะมีผลกระทบต่อโลกในวันที่ 21-23 มิถุนายน คาดว่าจะมืแผ่นดินไหวขนาดเกิน 6.2 ริตเตอร์ ด้วยความน่าจะเป็น 95% สภาพอากาศแปรปรวน หรือ ภูเขาไฟระเบิด
วันที่ 21 มิถุนายน จะเป็นวันที่ โลกเรียงตัวกับดวงอาทิตย์ และ ทางช้างเผือก ซึ่งอยู่ในช่วงที่พายุสุริยะจากวันที่ 18 จะมาที่โลก และอาจะเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์จะมีปฏิกริยาสูงอีกครั้ง
วันที่ 23 มิถุนายน จะมีการเรียงตัวระหว่าง โลก ดวงอาทิตย์ และ ดวงจันทร์ เวลา 17 UTC
วันที่ 24 มิถุนายน 5 UTC จะมีการเรียงตัวระหว่าง ดวงอาทิตย์ ดาวพุธ และ ดาววีนัส ซึ่งจะเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์จะมีปฏิกริยาอีกครั้ง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อโลกในวันที่ 26-28 มิถุนายน ความรุนแรงของภัยพิบัติขึ้นอยู่ในขนาดและทิศทางของพายุสุริยะเทียบกับวงโคจร ของโลก