แฉน้ำชีร้อนมีสารปนเปื้อนอื้อ
วันพุธ ที่ 15 มิถุนายน 2554 เวลา 18:53 น
กรมธรณีชี้น้ำชีร้อนมีสารปนเปื้อนอื้อ เทียบเท่าคุณภาพน้ำเสีย เตือน ปปช.อย่านำมาดื่ม
วันที่ 15 มิ.ย. นายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยอถึงผลการตรวจน้ำในแม่ชีที่ร้อนขึ้นว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่เดินทางเข้าตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยจากการตรวจวัดอุณหภูมิของน้ำสูง 36-37 องศาเซลเซียส ถือเป็นระดับน้ำอุ่น จากค่าปกติอุณหภูมิของน้ำจะประมาณ 25 องศาเซลเซียส
นายเลิศสิน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้พบว่าน้ำมีความเป็นกรดอ่อน มีค่าพีเอชหรือความเป็นกรดด่างประมาณ 6 ซึ่งค่าปกติอยู่ที่ 6.5 เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสารแขวนลอยปนเปื้อนมากเกิน 1.4 หมื่นส่วนในล้านส่วน ถือว่าเทียบเท่ากับค่าคุณภาพน้ำเสีย จากการการประเมินสารแขวนลอยส่วนนี้ไม่ได้มาจากธรรมชาติ แต่ยังไม่สามารถระบุที่มาได้ เพราะต้องรอผลวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการว่าเป็นสารตัวใด โดยจะใช้เวลาราว 2-3 วัน
ผอ.สำนักธรณีฯ ระบุอีกว่า จุดที่เกิดความร้อนเป็นแอ่งน้ำนิ่งไม่ไหลประกอบกับแก๊สมีเทนใต้ดินที่ทำ ปฏิกิริยาเคมีคายความร้อน จึงมีอุณหภูมิผิดปกติ ทั้งนี้ขอเตือนประชาชนจำนวนมากที่เข้ามาดูบริเวณดังกล่าวและบางส่วนนำน้ำ กลับไปเพราะเชื่อว่ารักษาโรคได้ว่าอย่าบริโภคน้ำดังกล่าว เนื่องจากอาจจะเป็นอันตรายได้.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย joyguang1 : วันนี้ เมื่อ 07:03 PM
วันพุธ ที่ 15 มิถุนายน 2554 เวลา 18:53 น
กรมธรณีชี้น้ำชีร้อนมีสารปนเปื้อนอื้อ เทียบเท่าคุณภาพน้ำเสีย เตือน ปปช.อย่านำมาดื่ม
วันที่ 15 มิ.ย. นายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยอถึงผลการตรวจน้ำในแม่ชีที่ร้อนขึ้นว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่เดินทางเข้าตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยจากการตรวจวัดอุณหภูมิของน้ำสูง 36-37 องศาเซลเซียส ถือเป็นระดับน้ำอุ่น จากค่าปกติอุณหภูมิของน้ำจะประมาณ 25 องศาเซลเซียส
นายเลิศสิน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้พบว่าน้ำมีความเป็นกรดอ่อน มีค่าพีเอชหรือความเป็นกรดด่างประมาณ 6 ซึ่งค่าปกติอยู่ที่ 6.5 เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสารแขวนลอยปนเปื้อนมากเกิน 1.4 หมื่นส่วนในล้านส่วน ถือว่าเทียบเท่ากับค่าคุณภาพน้ำเสีย จากการการประเมินสารแขวนลอยส่วนนี้ไม่ได้มาจากธรรมชาติ แต่ยังไม่สามารถระบุที่มาได้ เพราะต้องรอผลวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการว่าเป็นสารตัวใด โดยจะใช้เวลาราว 2-3 วัน
ผอ.สำนักธรณีฯ ระบุอีกว่า จุดที่เกิดความร้อนเป็นแอ่งน้ำนิ่งไม่ไหลประกอบกับแก๊สมีเทนใต้ดินที่ทำ ปฏิกิริยาเคมีคายความร้อน จึงมีอุณหภูมิผิดปกติ ทั้งนี้ขอเตือนประชาชนจำนวนมากที่เข้ามาดูบริเวณดังกล่าวและบางส่วนนำน้ำ กลับไปเพราะเชื่อว่ารักษาโรคได้ว่าอย่าบริโภคน้ำดังกล่าว เนื่องจากอาจจะเป็นอันตรายได้.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย joyguang1 : วันนี้ เมื่อ 07:03 PM