วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สรุปข่าวทั่วโลกประจำวัน

จีนเผชิญพายุหลายลูก


จีน เผชิญน้ำท่วมครั้งรุนแรงที่ภาคกลางและใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 41 คนในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ล่าสุดพายุสาริกาได้กลายเป็นพายุโซนร้อนลูกแรกที่พัดขึ้นฝั่งทางใต้ของจีน เมื่อเช้านี้

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่คืนวัน พฤหัสบดีและต่อเนื่องถึงเช้าวานนี้ได้ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันครั้งรุนแรง และแผ่นดินถล่มในหลายพื้นที่ทั่วมณฑลหูเป่ย และหูหนานซึ่งอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง โดยทำให้มีผู้เสียชีวิต 22 คนสูญหาย 5 คนและต้องอพยพผู้ประสบภัยอีกกว่า 111,000 คนที่เมืองเซียงหยาง, หวงกังและเสียนหนิงของมณฑลหูเป่ย โดยเฉพาะที่เสียนหนิงได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด ส่วนที่มณฑลหูหนานก็มีรายงานผู้เสียชีวิต 19 คน สูญหาย 28 คน

ที่ เมืองเยว่หยางและฉางเต๋อ พายุฝนฟ้าคะนองยังสร้างความปั่นป่วนขึ้นที่มณฑลเจียงซี โดยเจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพชาวบ้านกว่า 26,000 นออกจากพื้นที่ในเขตซิวฉุ่ย และทำให้มีผู้ติดค้างอยู่ภายในบ้านราว 1,200 คน รวมผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมปีนี้มีอย่างน้อย 95 คนแล้ว

และล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อนสาริกาได้กลายเป็นพายุโซนร้อนลูกแรกที่พัดขึ้นฝั่งที่เมืองซ่าน โถว มณฑลกว่างตง ทางใต้ของจีน โดยขึ้นฝั่งเมื่อเวลา 5.45 นาฬิกา ตามเวลาท้องถิ่นหรือ 6.45 นาฬิกา ตามเวลาของไทยด้วยความเร็วลม 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนมุ่งขึ้นขึ้นสู่ภาคเหนือ โดยคาดว่าจะทำให้เกิดฝนตกหนักและลมพัดแรงที่เมืองเมืองซ่านโถว, เม๋โจว, เจียหยางและเฉาโจว



คลื่นยักษ์ที่ชิลี


ที่ชิลีได้เกิดคลื่นยักษ์พัดถล่มพื้นที่ชายฝั่ง สร้างความเสียหายให้กับหมู่บ้านชาวประมงอย่างหนัก

สภาพ อากาศที่แปรปรวนและฝนตกหนักติดต่อกันนานเกือบสัปดาห์ได้ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ หลายระลอก บางลูกมีความสูงถึง 9 เมตรพัดถล่มหลายพื้นที่ชายฝั่งของชิลี รวมทั้งหมู่บ้านชาวประมงเมาเล่, และเมืองปุนตา อเรนาสและลิตอราล ในรัฐคูลิโค โดยเฉพาะที่หมู่บ้านชาวประมงเมาเล่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมประมงสำคัญของชิลีนั้นได้รับความเสียหายอย่าง หนัก โดยถูกคลื่นยักษ์พัดถล่มพังยับเยิน ก่อนพัดขึ้นท่วมบ้านเรือนประชาชน ทำให้ต้องอพยพผู้ที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่ง อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

หลังเกิดเหตุ ผู้ว่าการรัฐคูริโค่ให้คำมั่นจะให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่าง เต็มที่ ขณะที่ชาวประมงก็ยืนยันจะไม่ย้ายออกไป แต่จะฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมงให้ฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้ง




เผยภาพธารลาวาภูเขาไฟในฮาวาย


สำนัก ข่าวต่างประเทศ เผยภาพธารลาวา ที่ไหลลงสู่ทะเลสาบ บนยอดภูเขาไฟ"กิโลเว" ท่ามกลางการจับตาของคณะวิทยาศาสตร์อย่างใกล้ชิด หวั่นลาวาจะล้นทะลักออกมา

ภาพ วิดีโอล่าสุดของสำนักธรณีวิทยาของสหรัฐฯ บันทึกได้ ที่แสดงให้เห็นถึงธารของลาวา กำลังไหลผ่านช่องเปิด ลงสู่แอ่งหรือทะเลสาบ บนยอดภูเขาไฟ กิโลเว ในรัฐฮาวายของสหรัฐฯ

รายงานระบุว่า ทะลสาบลาวาดังกล่าว ก่อตัวขึ้นที่หลัง ในช่วงปี 2009 ซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 700 องศาเซลเซียส และการที่ลาวาไหลลงสู่ทะเลสาบจำนวนมากมหาศาล ทำให้นักวิทยาศาสตร์วิตกกังวลว่าจะไหลทะลักออกมาได้ ซึ่งได้มีการจับตาดูระดับของลาวาอย่างใกล้ชิด

ภูเขาไฟ"กิโลเว" ตั้งอยู่ในอุทยานภูเขาไฟแห่งชาติ บนเกาะฮาวาย และยังคงปะทุอยู่ โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมของภูเขาไฟเป็นจำนวนมาก

ครอบครัวข่าว 3




ไฟป่าแอริโซนาลามหนัก ปชช.อพยพหนีตายเฉียดหมื่น


   
สถานการณ์ ไฟป่าในมลรัฐแอริโซนาของสหรัฐฯกำลังเลวร้าย หลังเปลวเพลิงเริ่มลุกลามเข้าใกล้พื้นที่ของมลรัฐนิวเม็กซิโกที่อยู่ใกล้ เคียง ขณะที่ประชาชนเกือบ 10,000  รายต้องอพยพออกนอกพื้นที่...

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ว่า สถานการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในมลรัฐแอริโซนาของสหรัฐฯกำลังเลวร้ายลงทุกขณะ  หลังจากที่เปลวเพลิงเริ่มลุกลามเข้าใกล้พื้นที่ของมลรัฐนิวเม็กซิโกที่อยู่ ใกล้เคียงแล้ว

รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า สถานการณ์ไฟป่าทางตะวันออกของมลรัฐแอริโซนาเริ่มเลวร้ายลงกว่าเดิม โดยไฟป่าเริ่มลุกลามเข้าใกล้เขตของมลรัฐนิว เม็กซิโกแล้ว หลังจากที่เผาทำลายบ้านเรือนของประชาชนไปมากกว่า 30  หลัง และทำให้ชาวบ้านต้องอพยพออกนอกพื้นที่ไปแล้วเกือบ 10,000 ราย  ขณะที่พื้นที่ป่าของแอริโซนาได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 639 ตารางไมล์
     
ด้าน จิม วิททิงตัน โฆษกของทีมดับเพลิงหลักที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ออกมาเปิดเผยว่า  ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 3,000 นายถูกส่งมารับมือกับสถานการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในมลรัฐแอริโซนาแล้ว   แต่ด้วยสภาพป่าที่ค่อนข้างแห้งและกระแสลมที่แรงจัดทำให้การควบคุมเพลิงทำ ได้ยากลำบาก    ขณะที่การลุกลามของไฟป่ากำลังขยับเข้าใกล้เขตของมลรัฐนิว เม็กซิโกที่อยู่ติดกันมากขึ้นทุกขณะ



ทางการญี่ปุ่นเผยเหยื่อสึนามิทะลุ 1.5 หมื่นศพ สูญหายเกิน 8,000


   
ทางการญี่ปุ่นเผยเหยื่อสึนามิทะลุ 1.5 หมื่นศพ สูญหายเกิน 8,000

สำนัก งานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นเผย ยังมีผู้สูญหายจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวระดับ 9.0 และสึนามิซัดถล่มเกาะฮอนชูเมื่อ 11 มี.ค.ที่ผ่านมาอีก 8,095 ราย  ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 15,405 ราย...

สำนักข่าวต่าง ประเทศรายงานเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. โดยอ้างข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นที่ระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังคงมีผู้สูญหายจากเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวระดับ 9.0 และสึนามิซัดถล่มทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชูเมื่อ 11 มี.ค.ที่ผ่านมาอีก 8,095 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการล่าสุดอยู่ที่ 15,405 ราย

สำนัก งานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นยังเปิดเผยว่า ในขณะนี้ยังคงมีผู้ประสบภัยอีกมากกว่า 90,000 คนที่ยังคงต้องพักอาศัยตามศูนย์พักพิงชั่วคราวต่างๆ เนื่องจากบ้านของพวกเขาพังเสียหายจากภัยพิบัติเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่โครงการจัดสร้างบ้านพักหลังใหม่สำหรับผู้ประสบภัยที่มีรัฐบาลญี่ปุ่น รับหน้าที่เป็น 'แม่งาน' ยังคงดำเนินไปได้อย่างล่าช้า โดยล่าสุดเพิ่งสร้างบ้านเสร็จไปเพียง 28,000 หลังเท่านั้น จากเป้าหมายที่ต้องการสร้างทั้งหมด 52,000 หลัง

ขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นยังยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 2,000 นาย รวมถึงนักประดาน้ำอีกมากกว่า 1,300 ชีวิตที่ปักหลักปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้สูญหายอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู คือ จังหวัดมิยางิ อิวาเตะ และฟุกุชิมา โดยการออกมายืนยันดังกล่าวมีขึ้นหลังมีกระแสข่าวลือแพร่สะพัดว่า เจ้าหน้าที่ได้ยุติภารกิจค้นหาผู้สูญหายจากภัยพิบัติดังกล่าวไปนานนับเดือน แล้ว.



เหยื่ออี.โคไลดับ 33 ราย มะกันติดเชื้อเพิ่มจากคนสู่คน


   
ยอด ผู้เสียชีวิตจากเชื้อแบคทีเรีย อี.โคไล “โอ 104” ขยับเป็น 33 ราย พบผู้ป่วยกว่า 3,100 ราย สหรัฐฯมีเพิ่ม 1 ราย ติดเชื้อจากญาติท่ีเดินทางกลับจากเยอรมนี ส่วนผอ.สถาบันโรเบิร์ต โคช ระบุ ต้นตอเชื้ออี.โคไล โอ 104 มาจากถั่วงอกหรือต้นอ่อนของผักบางชนิดที่เพาะในฟาร์มปลอดสารพิษแห่งหนึ่งใน เมืองไบเนนบุทเทล...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรีย อี.โคไล สายพันธุ์ใหม่ “โอ 104” ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสหภาพยุโรป (อียู) และต้นตอมาจากภาคเหนือของประเทศเยอรมนี ว่า วันเสาร์ที่ 11 มิ.ย. ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 33 รายแล้ว และมีผู้ป่วยกว่า 3,100 ราย โดยผู้เสียชีวิต 32 รายอยู่ในเยอรมนี อีก 1 รายอยู่ในสวีเดน ส่วนผู้ป่วยกว่า 2,800 คนอยู่ในเยอรมนี ที่เหลืออยู่ในอีก 12 ประเทศทั่วอียู ทั้งนี้ยังมีผู้ป่วยในสหรัฐฯด้วย

ด้านสำนักงานควบคุม และป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) แถลงว่า พบผู้ป่วยในสหรัฐฯเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 5 ราย แต่ผู้ป่วยรายล่าสุดไม่ได้ติดเชื้อจากการเดินทางไปเยอรมนีเหมือน 4 รายแรก แต่เป็นสมาชิกครอบครัวท่ีติดเชื้อจากญาติท่ีเดินทางกลับจากเยอรมนี โดย 1 รายได้รับการยืนยันแน่ชัดแล้วว่า ติดเชื้ออี.โคไล โอ 104 ส่วนอีก 4 รายยังรอผลตรวจสอบยืนยัน รวมทั้งผู้ป่วยในรัฐแมสซาชูเซตต์ วิสคอนซิน และมิชิแกน แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะที่ทางการสก็อตแลนด์แถลงว่า พบชายชาวสก็อตล้มป่วยจากเชื้ออี.โคไล โอ 104 อีก 1 ราย หลังเดินทางกลับจากเยอรมนีเมื่อไม่นานมานี้ แต่อาการไม่รุนแรง และฟ้ืนตัวแล้ว

ขณะที่นายไรน์ฮาร์ด เบอร์เกอร์ ผอ.สถาบันโรเบิร์ต โคช หรือศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติเยอรมนี แถลงสรุปเป็นครั้งแรกว่า ต้นตอของเชื้ออี.โคไล โอ 104 มาจากถั่วงอก หรือต้นอ่อนของผักบางชนิด ท่ีเพาะในฟาร์มปลอดสารพิษแห่งหนึ่งในเมืองไบเนนบุทเทล แคว้นโลเออร์ แซ็กโซนี ทางภาคเหนือของเยอรมนี ถึงแม้จะตรวจไม่พบเชื้อ แต่จากการสืบสวนแกะรอยผู้ป่วยในโรงพยาบาลท่ีมีอาการท้องร่วงรุนแรง ถ่ายเป็นเลือด และไตวาย ไปจนถึงร้านอาหารท่ีผู้ป่วยไปรับประทาน และส่วนผสมของอาหาร ทำให้สรุปได้ว่าต้นตอมาจากฟาร์มดังกล่าว

นอกจาก นี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบเชื้ออี.โคไล โอ 104 ในหีบห่อของถั่วงอกจากฟาร์มแห่งนี้ ซึ่งถูกทิ้งในถังขยะของครอบครัวในแคว้นนอร์ธ ไรน์ เวสต์ฟาเลีย ที่มีผู้ล้มป่วยเพราะเชื้ออี.โคไล 2 คน นับเป็นครั้งแรกท่ีมีหลักฐานโดยตรงโยงใยกับฟาร์มดังกล่าว ซึ่งถูกสั่งปิดและถูกเรียกคืนสินค้าทั้งหมดตั้งแต่หลายวันก่อน โดยเจ้าหน้าที่เยอรมนียังพยายามตรวจสอบว่า เชื้ออี.โคไลเข้าสู่กระบวนการเพาะในฟาร์มได้อย่างไร และเป็นไปได้ว่ามันฝังตัวอยู่บนเมล็ดถั่ว หรือพืชผักท่ีถูกนำเข้าจากหลายประเทศทั่วโลก

มีรายงานด้วยว่า ในการสรุปถึงที่มาที่ไปของเชื้ออี.โคไล โอ 104 ทำให้ทางการเยอรมนียกเลิกคำเตือนการรับประทานแตงกวา มะเขือเทศ ผักกาดหอม และพืชผักอื่นๆ หลังจากในช่วงแรกระบุว่า ต้นตอเชื้ออี.โคไล มาจากแตงกวาสเปน ส่งผลให้ประชาชนทั่วอียูแตกตื่น เกษตรกรขายสินค้าไม่ได้ สร้างความสูญเสียมหาศาล จนอียูเสนอเงินชดเชยให้เกษตรกรถึง 210 ล้านยูโร (ประมาณ 9,000 ล้านบาท) แต่ทางการเยอรมนีเตือนว่า การระบาดยังไม่ยุติ ยังมีผู้ล้มป่วยเพิ่มหลังรับประทานถั่วงอกและต้นอ่อนของผักต่างๆ จากฟาร์มเจ้าปัญหาเมื่อหลายวันก่อน และยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้น

ด้าน รัฐบาลสหรัฐฯ แนะนำให้เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้ท่ีมีระบบภูมิต้านทานต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วงอกและต้นอ่อนของผักต่างๆ แบบดิบๆ โดยสิ้นเชิง และใครก็ตามที่จะรับประทาน ต้องทำให้สุกก่อน โดยถั่วงอกและต้นอ่อนของผักอุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามิน นิยมใช้เป็นส่วนผสมของสลัดผักสดและแซนด์วิช แต่กระบวนการเพาะในที่อับชื้นท่ีอุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียส ทำให้แบคทีเรียต่างๆ เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

ไทยรัฐออนไลน์



เตรียมสังหารหมู่ อูฐนับล้านที่ออสเตรเลีย


ชี้เป็นตัวก่อก๊าซคาร์บอน-ทำโลกร้อน

10 มิ.ย.54 สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า ทางการของออสเตรเลียได้เตรียมพิจารณามาตราการกำจัดอูฐเร่ร่อนจำนวนกว่า 1.2 ล้านตัว ภายหลังบ.นอร์ธเวสต์ คาร์บอน เสนอที่จะสังหารอูฐดังกล่าว

โดย ให้เหตุผลว่าอูฐจำนวนมากเหล่านี้เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เกิดโลกร้อนนั่นเอง อีกทั้งมาตราการดังกล่าวเป็นหนึ่งในทางเลือกของการจัดการปัญหาการเปลี่ยน แปลงสภาพอากาศของโลก และเพื่อสนับสนุนการจัดเก็บภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรัฐบาลด้วย

ซึ่ง ทางบริษัทได้มองวิธีการสังหารอูฐไว้ 2วิธีด้วยกัน คือ 1.ยิงพวกมันจากเฮลิคอปเตอร์ และ2 ต้อนพวกมันให้มารวมกันก่อนจะนำไปฆ่าที่โรงฆ่าสัตว์แล้วแปรรูปเป็นอาหาร

อย่าง ไรก็ตามมาตราการดังกล่าวเป็นแนวคิด และเป็นประเด็นหนึ่งที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลในการนำเข้าไปร่วมหารือใน ที่ประชุม ก่อนการประชุมรัฐสภาในสัปดาห์หน้า

สำหรับพวกอูฐเร่ร่อนเหล่านี้เป็นผลพวงมาจากกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ที่นำมันเข้ามาในช่วงตั้งถิ่นฐานในช่วงต้นศตวรรษที่ 19

Mthai news