'เช็คความพร้อม'น้ำเหนือถล่มกรุง 27ชุมชน-ถนน5เส้น เสี่ยงจม'บาดาล'!!

นับถอยหลังวันที่ 6-9 ส.ค. กรมชลประทานแนะให้จับตาน้ำเหนือถล่ม กทม. ประเมินปริมาณน้ำแบบเมืองหลวงยังไหวอยู่ ถ้าฝนไม่ตกซ้ำเติม ชี้ 27 ชุมชนนอกแนวป้องกัน และ 5 ถนนจ่ออ่วม...
เป็นเรื่องที่คนกรุงเทพฯ จะต้องตกอยู่ในวงล้อมของน้ำก้อนใหญ่ ที่ไหลลงมาจากภาคเหนือเสมอๆ ล่าสุดเป็นคิวของก้อนน้ำที่วิ่งมาให้ทดสอบความพร้อมของหน่วยงานที่รับผิดชอบอีกครั้ง หลังจากที่พายุโซนร้อน "นกเตน" แผลงฤทธิ์
นายบุญสนอง สุชาติพงศ์ โฆษกกรมชลประทาน กล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์ กรณีสถานการณ์ล่าสุดของน้ำเหนือที่จะวิ่งเข้ามาถึงเขื่อนเจ้าพระยา และเข้าจู่โจมกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 6-9 ก.ค.นี้ ว่า ตามข้อมูลปริมาณจากแม่น้ำยม แม่น้ำน่านจะเอ่อล้นตลิ่งแถวลุ่มน้ำยม ลุ่มแม่น้ำน่าน จะมาถึง จ.นครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. โดยบางส่วนก็จะถึงเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ในวันที่ 6-9 ส.ค.นี้

"วันนี้ยอดปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ประมาณ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งกรมชลฯ ได้ประสานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ให้ลดการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพลลง 10 ล้านลูกบาศก์เมตร จากที่เคยระบาย 25-30 ลูกบาศก์เมตร ให้เขื่อนสิริกิติ์ช่วยเหลือด้วยการระบายน้ำลดลงเหลือเพียง 10 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และผลักดันน้ำก้อนใหญ่นี้ไปทางระบบส่งน้ำฝั่งตะวันตก เข้าสู่แม่น้ำมะขามเฒ่า อู่ทอง แม่น้ำน้อย แม่น้ำสุพรรณ 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ฝั่งตะวันออกผลักไปยังคลองชัยนาท ป่าสัก อีก 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ฉะนั้นน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาที่ลงท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่จะไป จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง มันก็จะค่อยๆ ลดลง ก็จะเหลือ 1,000-2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้ไม่มีผลกระทบกับ กทม.เลย"

อย่างไรก็ตาม จะส่งผลกระทบนิดหน่อยในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำแถว จ.อยุทธยา อ่างทอง เหมือนมีแก้มลิงธรรมชาติ อาจจะมีผลกระทบในวันที่ 6-9 ส.ค.นี้ โดยเฉพาะ อ.บางบาล, เสนา, ผักไห่, บางประหัน แต่อย่างที่บอกก็คือ กทม.จะรอด หากระยะนี้ไม่มีฝนตกซ้ำเติมในโซนท้ายเขื่อน-ท้ายอ่าง อีกทั้ง กทม.มีคันกั้นน้ำ สูงถึง 2.50 และสูง 3.50 เมตรในบางจุดของตลอดแนว 17 กิโลเมตร แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็คือ ขอแค่อย่าแพ้ภัยตัวเอง อย่าให้ฝนตกเยอะๆ เท่านั้น กทม.ก็จะรอด
สุดท้าย โฆษกกรมชลประทาน ยังฝากทิ้งท้ายกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าเมื่อน้ำมาน้ำท่วม แต่หลังจากน้ำลง และเข้าฤดูแล้งก็ไม่มีน้ำ ว่า ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นฤดูฝน เดือนพฤศจิกายนนั้น เราจะไม่เจอวิกฤติแล้งน้ำแบบเมื่อหลายปีที่ผ่านมาแน่นอน

"กรมชลประทานประสานงานและวิเคราะห์สถานการณ์จากกรมอุตุวิทยา ศูนย์อุทกวิทยาและบริหารจัดการน้ำ 8 ศูนย์ 1,500 สถานี และกรมอุตุวิทยาโลกสากล เรามีตรวจดู เช็ค แล้วก็บริหารการพร่องน้ำเรียบร้อยไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน ที่พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสเอาไว้ให้ดูเหนือน้ำ หรือดูเขื่อนต่างๆ กลางน้ำ หรือดูน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา และปลายน้ำ ให้ดูคลองลัดโพธิ์ ซึ่งเราก็ระบาย 16-18 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน 16-18 ชั่วโมงต่อวัน ถือว่าเป็นประโยชน์กับการบริหารน้ำอย่างดียิ่งและมั่นใจได้ว่าหมดฤดูน้ำปีนี้จะไม่แล้งแน่นอน"
ขณะที่ นายสัญญา ชีรนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความพร้อมว่า เราได้เตรียมความพร้อมไว้อย่างสุดกำลัง หากน้ำมา 2,500 ลูกบาศก์เมตร ตามที่กรมชลประทานบอกแม่น้ำเจ้าพระยาก็ยังพอสามารถรับได้ แต่ถ้าปริมาณเหนือกว่านั้นก็ต้องติดตามกันนาทีต่อนาที


"ตอนนี้เราเดินสายตรวจดูแนวป้องกันน้ำท่วมริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตรวจดูความแข็งแรงเพื่อดูรอยซึมตามจุดต่างๆ พร้อมแจ้งไปยังปลัด กทม. เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องริม 2 แม่น้ำเจ้าพระยาให้ดูแลริม 2 ข้างแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่นอกแนวให้ดี อีกทั้งยังเตรียมพร้อมรับมือด้วยเครื่องไม้เครื่องมือมากมาย หน่วยเคลื่อนที่เร็ว กระสอบทราย 3 ล้านลูก พร้อมกับเปิดศูนย์ป้องกันน้ำท่วม และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ให้ติดตามประเมินผลสถานการณ์น้ำเหนือจะลงมากรุงเทพฯ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง"
สำหรับพื้นที่วิกฤติ ผอ.สำนักการระบายน้ำ กล่าวว่า พื้นที่ที่กังวลก็คือพื้นที่นอกแนว กั้น 27 ชุมชนเดิมที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะเขตบางกอกน้อย เขตคลองสาน เขตบางพลัด เขตดุสิต เขตบางซื่อ เขตราชบูรณะ และเขตยานนาวา

ส่วนพื้นที่บนถนนในกรุงเทพฯ ที่จะวิกฤตเมื่อฝนตกหนักก็คือ บริเวณถนนรัชดาฯ หน้าห้างโรบินสัน ซึ่งขณะนี้เราได้ปรับปรุงบ่อสูบคาดว่าจะเสร็จสิ้นในเดือนกันยายนนี้ ส่วนบริเวณถนนรัชดาฯ ตัดลาดพร้าวที่มีปัญหาวิกฤติน้ำท่วมมาก กทม.ได้เร่งเรื่องของอุโมงค์ใหญ่อย่างเร่งด้วยเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ลุ่มต่ำ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนประกวดราคาหาผู้รับจ้าง ถ้าได้แล้ว 3 ปีจะแล้วเสร็จ นอกจากนี้ยังมีถนนลาดพร้าวตัดถนนประดิษฐ์มนูธรรม ถนนสาธุประดิษฐ์ ถนนศรีนครินทร์
ท้ายที่สุดผู้รับผิดชอบเรื่องการระบายน้ำ ได้ฝากไปถึงประชาชนด้วยว่า

"ตอนนี้เราอยากได้อาสาสมัครบนท้องถนน เนื่องจากเวลาฝนตกหนักเพราะมันมีเศษขยะเข้าไปอุดตันท่อระบายน้ำ ตะแกรงต่างๆ เวลาทุกๆ คนผ่านไปแล้วเห็นสิ่งอุดตันที่จะทำให้การระบายน้ำช้า ก็อยากให้มีจิตอาสาช่วยกันหยิบออกสักนิดหนึ่งก็จะทำการระบายน้ำเร็วขึ้น หรือหากพบใครที่เอาวัสดุไปกองหรือทิ้งลงไปในท่อระบายน้ำทำให้อุดตัน ช่วยกันโทรแจ้งมายังศูนย์ป้องกันน้ำท่วมที่เปิด 24 ชั่วโมงได้ที่ เบอร์โทร. 0-2248-5115 ทั้งหมด 20 คู่สายตลอด 24 ชั่วโมง คุณจะสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมได้มากเลยทีเดียว".
ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวไลฟ์สไตล์ออนไลน์
5 สิงหาคม 2554, 05:30 น.
Twitter : raydo_thairath

นับถอยหลังวันที่ 6-9 ส.ค. กรมชลประทานแนะให้จับตาน้ำเหนือถล่ม กทม. ประเมินปริมาณน้ำแบบเมืองหลวงยังไหวอยู่ ถ้าฝนไม่ตกซ้ำเติม ชี้ 27 ชุมชนนอกแนวป้องกัน และ 5 ถนนจ่ออ่วม...
เป็นเรื่องที่คนกรุงเทพฯ จะต้องตกอยู่ในวงล้อมของน้ำก้อนใหญ่ ที่ไหลลงมาจากภาคเหนือเสมอๆ ล่าสุดเป็นคิวของก้อนน้ำที่วิ่งมาให้ทดสอบความพร้อมของหน่วยงานที่รับผิดชอบอีกครั้ง หลังจากที่พายุโซนร้อน "นกเตน" แผลงฤทธิ์
นายบุญสนอง สุชาติพงศ์ โฆษกกรมชลประทาน กล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์ กรณีสถานการณ์ล่าสุดของน้ำเหนือที่จะวิ่งเข้ามาถึงเขื่อนเจ้าพระยา และเข้าจู่โจมกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 6-9 ก.ค.นี้ ว่า ตามข้อมูลปริมาณจากแม่น้ำยม แม่น้ำน่านจะเอ่อล้นตลิ่งแถวลุ่มน้ำยม ลุ่มแม่น้ำน่าน จะมาถึง จ.นครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. โดยบางส่วนก็จะถึงเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ในวันที่ 6-9 ส.ค.นี้

"วันนี้ยอดปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ประมาณ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งกรมชลฯ ได้ประสานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ให้ลดการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพลลง 10 ล้านลูกบาศก์เมตร จากที่เคยระบาย 25-30 ลูกบาศก์เมตร ให้เขื่อนสิริกิติ์ช่วยเหลือด้วยการระบายน้ำลดลงเหลือเพียง 10 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และผลักดันน้ำก้อนใหญ่นี้ไปทางระบบส่งน้ำฝั่งตะวันตก เข้าสู่แม่น้ำมะขามเฒ่า อู่ทอง แม่น้ำน้อย แม่น้ำสุพรรณ 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ฝั่งตะวันออกผลักไปยังคลองชัยนาท ป่าสัก อีก 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ฉะนั้นน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาที่ลงท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่จะไป จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง มันก็จะค่อยๆ ลดลง ก็จะเหลือ 1,000-2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้ไม่มีผลกระทบกับ กทม.เลย"

อย่างไรก็ตาม จะส่งผลกระทบนิดหน่อยในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำแถว จ.อยุทธยา อ่างทอง เหมือนมีแก้มลิงธรรมชาติ อาจจะมีผลกระทบในวันที่ 6-9 ส.ค.นี้ โดยเฉพาะ อ.บางบาล, เสนา, ผักไห่, บางประหัน แต่อย่างที่บอกก็คือ กทม.จะรอด หากระยะนี้ไม่มีฝนตกซ้ำเติมในโซนท้ายเขื่อน-ท้ายอ่าง อีกทั้ง กทม.มีคันกั้นน้ำ สูงถึง 2.50 และสูง 3.50 เมตรในบางจุดของตลอดแนว 17 กิโลเมตร แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็คือ ขอแค่อย่าแพ้ภัยตัวเอง อย่าให้ฝนตกเยอะๆ เท่านั้น กทม.ก็จะรอด
สุดท้าย โฆษกกรมชลประทาน ยังฝากทิ้งท้ายกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าเมื่อน้ำมาน้ำท่วม แต่หลังจากน้ำลง และเข้าฤดูแล้งก็ไม่มีน้ำ ว่า ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นฤดูฝน เดือนพฤศจิกายนนั้น เราจะไม่เจอวิกฤติแล้งน้ำแบบเมื่อหลายปีที่ผ่านมาแน่นอน

"กรมชลประทานประสานงานและวิเคราะห์สถานการณ์จากกรมอุตุวิทยา ศูนย์อุทกวิทยาและบริหารจัดการน้ำ 8 ศูนย์ 1,500 สถานี และกรมอุตุวิทยาโลกสากล เรามีตรวจดู เช็ค แล้วก็บริหารการพร่องน้ำเรียบร้อยไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน ที่พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสเอาไว้ให้ดูเหนือน้ำ หรือดูเขื่อนต่างๆ กลางน้ำ หรือดูน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา และปลายน้ำ ให้ดูคลองลัดโพธิ์ ซึ่งเราก็ระบาย 16-18 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน 16-18 ชั่วโมงต่อวัน ถือว่าเป็นประโยชน์กับการบริหารน้ำอย่างดียิ่งและมั่นใจได้ว่าหมดฤดูน้ำปีนี้จะไม่แล้งแน่นอน"
ขณะที่ นายสัญญา ชีรนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความพร้อมว่า เราได้เตรียมความพร้อมไว้อย่างสุดกำลัง หากน้ำมา 2,500 ลูกบาศก์เมตร ตามที่กรมชลประทานบอกแม่น้ำเจ้าพระยาก็ยังพอสามารถรับได้ แต่ถ้าปริมาณเหนือกว่านั้นก็ต้องติดตามกันนาทีต่อนาที


"ตอนนี้เราเดินสายตรวจดูแนวป้องกันน้ำท่วมริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตรวจดูความแข็งแรงเพื่อดูรอยซึมตามจุดต่างๆ พร้อมแจ้งไปยังปลัด กทม. เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องริม 2 แม่น้ำเจ้าพระยาให้ดูแลริม 2 ข้างแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่นอกแนวให้ดี อีกทั้งยังเตรียมพร้อมรับมือด้วยเครื่องไม้เครื่องมือมากมาย หน่วยเคลื่อนที่เร็ว กระสอบทราย 3 ล้านลูก พร้อมกับเปิดศูนย์ป้องกันน้ำท่วม และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ให้ติดตามประเมินผลสถานการณ์น้ำเหนือจะลงมากรุงเทพฯ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง"
สำหรับพื้นที่วิกฤติ ผอ.สำนักการระบายน้ำ กล่าวว่า พื้นที่ที่กังวลก็คือพื้นที่นอกแนว กั้น 27 ชุมชนเดิมที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะเขตบางกอกน้อย เขตคลองสาน เขตบางพลัด เขตดุสิต เขตบางซื่อ เขตราชบูรณะ และเขตยานนาวา

ส่วนพื้นที่บนถนนในกรุงเทพฯ ที่จะวิกฤตเมื่อฝนตกหนักก็คือ บริเวณถนนรัชดาฯ หน้าห้างโรบินสัน ซึ่งขณะนี้เราได้ปรับปรุงบ่อสูบคาดว่าจะเสร็จสิ้นในเดือนกันยายนนี้ ส่วนบริเวณถนนรัชดาฯ ตัดลาดพร้าวที่มีปัญหาวิกฤติน้ำท่วมมาก กทม.ได้เร่งเรื่องของอุโมงค์ใหญ่อย่างเร่งด้วยเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ลุ่มต่ำ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนประกวดราคาหาผู้รับจ้าง ถ้าได้แล้ว 3 ปีจะแล้วเสร็จ นอกจากนี้ยังมีถนนลาดพร้าวตัดถนนประดิษฐ์มนูธรรม ถนนสาธุประดิษฐ์ ถนนศรีนครินทร์
ท้ายที่สุดผู้รับผิดชอบเรื่องการระบายน้ำ ได้ฝากไปถึงประชาชนด้วยว่า

"ตอนนี้เราอยากได้อาสาสมัครบนท้องถนน เนื่องจากเวลาฝนตกหนักเพราะมันมีเศษขยะเข้าไปอุดตันท่อระบายน้ำ ตะแกรงต่างๆ เวลาทุกๆ คนผ่านไปแล้วเห็นสิ่งอุดตันที่จะทำให้การระบายน้ำช้า ก็อยากให้มีจิตอาสาช่วยกันหยิบออกสักนิดหนึ่งก็จะทำการระบายน้ำเร็วขึ้น หรือหากพบใครที่เอาวัสดุไปกองหรือทิ้งลงไปในท่อระบายน้ำทำให้อุดตัน ช่วยกันโทรแจ้งมายังศูนย์ป้องกันน้ำท่วมที่เปิด 24 ชั่วโมงได้ที่ เบอร์โทร. 0-2248-5115 ทั้งหมด 20 คู่สายตลอด 24 ชั่วโมง คุณจะสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมได้มากเลยทีเดียว".
ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวไลฟ์สไตล์ออนไลน์
5 สิงหาคม 2554, 05:30 น.
Twitter : raydo_thairath