วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

วิญญาณของคุณ มาจากนอกโลกหรือไม่? 5

(ต่อ)
 

45). เด็กมีปฏิกิริยาแบบไม่ธรรมดา คือมีความรู้สึกและความทรงจำที่เป็นบวกมากๆ กับภาพเหมือน
หรือภาพวาดของผู้มาเยือนจากต่างดาว ที่อยู่ในนิตยสาร หรือในทีวี หรือในภาพยนตร์ต่างๆ = 1 คะแนน



46). เด็กเมื่ออายุเลย 6 ขวบไปแล้ว แทบจะไม่เคยป่วยเป็นไข้หวัดแบบหนักๆ หรือโรคอื่นๆที่แพร่ระบาดอยู่ในห้องเรียน
หรือระแวกบ้านของตนเองเลย (มีภูมิคุ้มกันการติดเชื้อสูงขึ้น) และเด็กสามารถรักษาแผลที่ถูกของมีคมบาด,
แผลแตก, หรืออาการบาดเจ็บแบบอื่นๆได้อย่างรวดเร็วมาก


หรือเด็กบางคนก็อาจจะเป็นไปในทางตรงข้ามกัน นั่นคือ มีความไวต่อสิ่งปนเปื้อนที่อยู่ในสภาวะแวดล้อมอย่างมาก,
ความไวดังกล่าวนี้จะแสดงออกมาในรูปของอาการแพ้แบบต่างๆ


หรือบางคนก็อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารบางชนิด (เช่น นม เป็นต้น,
บางคนก็แพ้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวสาลีทั้งเมล็ด (whole-wheat products),
บางคนก็ขยะแขยงการรับประทานเนื้อสัตว์)


หรือไม่บางคนก็อาจจะเกิดความผิดปกติขึ้น (ที่เรียกว่าโรคแอสเพอร์เจอร์ (Asperger) และ “โรคสมาธิสั้น”
(Attention-Deficit Hyperactivity)) ซึ่งบ่งบอกให้ทราบว่าการเชื่อมต่อของระบบประสาทของพวกเขา
กับระบบประสาทของมนุษย์โลกทั่วไป มีความไม่สอดคล้องต้องกันอยู่ = 1 คะแนน



47). เด็กมีสีของม่านตา หรือรูปแบบของม่านตา หรือ รูปร่างลักษณะของตาดำ
หรือโครงร่างของดวงตาทั้งดวงไม่ปกติธรรมดา = 1 คะแนน



48). เด็กจะมีความสนใจในเรื่องของจิตวิญญาณ ตามวิถีแห่งธรรมชาติที่ไม่ได้ขึ้นกับลัทธิศาสนาใดๆ
ตั้งแต่ยังเยาว์วัย รวมถึงจะให้ความเคารพต่อดาวเคราะห์โลก ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตและสิ่งที่มีจิตสำนึกชนิดหนึ่ง,
เคารพในความศักดิ์สิทธิ์ของทุกสรรพชีวิตไม่ว่าเล็กหรือใหญ่, และมีความตระหนักรู้ว่า
ชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล = 1 คะแนน



49). เด็กจะมีความชอบและความสามารถในการนำคริสตัล, หินที่มีพลังงาน,
หรือวัสดุต่างๆที่มีพลัง และสามารถเพิ่มพลังจิตได้ มาใช้เพื่อการรักษาเยียวยาผู้ป่วยและอื่นๆ ได้อย่างถูกต้องเอง
โดยที่ไม่ต้องมีใครสอน = 1 คะแนน

50). เด็กจะบ่นอยู่เสมอว่าอยาก “กลับบ้าน” และมีความรู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้กับความหยาบช้าของสังคมมนุษย์
และพฤติกรรมอันหยาบช้าของมนุษย์โลก = 1 คะแนน



51). เด็กจะถูกดึงดูดความสนใจอย่างแรงกล้าโดยเด็กจากฟากฟ้า (Star kid) คนอื่นๆ
และพวกเขาทุกๆคนก็จะถูกดึงดูดความสนใจโดยกันและกัน และก็จะรู้สึกชอบพอซึ่งกันและกันด้วย = 1 คะแนน



52). ข้อนี้ ให้เลือกให้คะแนนเพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น ระหว่าง 2 ข้อย่อยต่อไปนี้:


a). เด็กเป็นเด็กที่เรียนเก่งในโรงเรียน, เข้าใจวิชาต่างๆที่เรียนได้ง่ายโดยไม่ต้องเรียนมาก
หรือโดยที่ไม่ต้องเรียนเลย แต่เด็กก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับอัตราเร็วของวิธีการสอนในโรงเรียนส่วนใหญ่
และจะรู้สึกสบายกว่าถ้าได้เรียนในสภาวะแวดล้อมที่เหนือขั้นกว่าวัยของตัวเอง
(เช่น ถ้าเป็นเด็กประถมก็จะชอบไปเรียนในชั้นมัธยมมากกว่า, ถ้าเป็นเด็กมัธยมก็จะชอบไปเรียน
ในระดับวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยซะมากกว่า หรือเด็กอาจจะเบื่อโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์
(Gifted School) เป็นต้น) = 1 คะแนน
b). เด็กถูกระบบการศึกษาในโรงเรียนเข้าใจผิด, หรือจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็นโรค “สมาธิสั้น”
(Attention Deficit Disorder) หรือป่วยเป็นโรค “ความบกพร่องทางการเรียน” (Learning Disability)
เพราะว่าเด็กเบื่อหน่าย, เพราะมีความท้าทายไม่เพียงพอ หรือรู้สึกท้อถอยกับอัตราเร็วของการเรียนรู้
แบบเด็ก “ปกติ” ทั่วไป


หรือเด็กถูกจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็น “โรคสมาธิสั้น” (Hyperactivity Disorder)
เพราะว่าเด็กรู้สึกหงุดหงิดกระสับกระส่าย เพราะความเบื่อหน่ายห้องเรียน

หรือเพราะว่าความคิดของพวกเขากำลังพุ่งตรงไปยังเรื่องที่ท้าทายกว่า

หรือเพราะว่าเด็กจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ตนกำลังสนใจอย่างมาก และมุ่งมั่นนานเกินกว่าที่เด็ก “ปกติ” เขาทำกัน


หรือเด็กถูกจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็นโรค “ความบกพร่องทางการเรียน” (Learning Disability)
เพราะว่าเขามองเห็น และชี้ให้เห็นความสัมพันธ์กันระหว่างวิชาที่กำลังถูกสอนอยู่ กับวิชาอื่นๆ
(เช่น ความสัมพันธ์ของวิชาประวัติศาสตร์-คณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์-ศิลปะ เป็นต้น)
ในขณะที่ครูผู้สอนต้องการได้ยินแต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาวิชาที่ตนเองกำลังสอนอยู่เท่านั้น = 1 คะแนน

53). เด็กเคยมีประสบการณ์ของการ “ถูกประทับร่าง” (Walk-In)
หรือบุคลิกลักษณะดั้งเดิม ถูกแทนที่ด้วยบุคลิกลักษณะใหม่ (ที่มาจากนอกโลก)
ซึ่งเข้าสวมในร่างเดิมแล้วดำเนินชีวิตต่อไป ความทรงจำเก่าๆทั้งหลายจะยังคงมีอยู่
แต่บุคลิกลักษณะและความสามารถต่างๆเปลี่ยนไปเป็นคนละคน = 1 คะแนน

54). เด็กมีสนามพลังชีวะแม่เหล็กไฟฟ้า-โฟตอน (bioelectromagnetic-photic field)
รอบๆร่างกายที่กว้างใหญ่กว่าปกติมากๆ (เช่น กว้างกว่า 3 ฟิต หรือกว้างกว่า 1 เมตร เป็นต้น)
ซึ่งวัดความกว้างนี้ได้โดยการใช้ดาวซิ่งร็อด (dowsing rods) = 1 คะแนน

(Dawsing rods)

<><><><><><><><><><><><><><><><><><>


หากพบว่ามีเด็กหรือผู้ใหญ่คนไหนที่ได้คะแนนมากกว่า 12 คะแนนขึ้นไป
กรุณาแนะนำให้ผู้ปกครองของเขาติดต่อกับ Dr.Richard Boylan ผู้อำนวยการโครงการสตาร์คิด
(Star Kids Project) เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Star Kids หรือ Star Seeds
และหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับพวกเขาและครอบครัว-เพื่อนฝูงของพวกเขา

เพื่อให้พวกเขามีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ และเพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตขึ้นมาได้
ด้วยความสะดวกสบายใจ พร้อมกับความสามารถที่เหนือกว่าของพวกเขา

และเพื่อให้พวกเขาได้พบกับ Star Kids คนอื่นๆและครอบครัว Star Kids อื่นๆด้วย
และเพื่อทำให้พวกเขาได้ระลึกรู้ถึงภารกิจของการเป็น Star Kid/Star Seeds ของพวกเขาเอง