วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

กรณีวิญญาณปฏิเสธการรับบุญ เพราะเหตุใด?

เรื่องที่คุณเมย์ ไปประสบมาตอนต้นเดือน พ.ย. 2009 ที่วัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งพระอาจารย์ รัตน์ รตนญาโณ เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งพระอาจารย์รัตน์ สอนการฝึกวิปัสสนาสมาธิ วิธีต่างๆ โดยใช้อุปกรณ์ พีระมิด และเหรียญสุขภาพ มาช่วยผู้ฝึก ที่ต้องการเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยของตนเอง และพัฒนาจิตของตนเองไปพร้อมกัน ทั้งขั้นต้นและหลังจากได้ไปถึงสภาวะจิตเดิมของตนเองแล้ว หรือถึง ทาง หรือ มรรค

คืนหนึ่งภายหลังจากการฝึกสมาธิหมุนจบสิ้นลง หลวงพ่อมักจะเปิดโอกาสให้ถามคำถามต่าง ๆ ที่ผู้มาฝึกเกิดสงสัยขึ้น หากไม่มีคำถามหลวงพ่อก็มักจะเล่าประสบการณ์ของท่านให้ฟังกัน คืนนั้นท่านพูดถึงการขึ้นไปเผยแพร่ธรรมะบนดอยของท่าน รวมไปถึงการประกอบพิธีสมโภชพระธาตุที่สร้างขึ้นบนดอย ซึ่งขณะที่กำลังบรรจุพระธาตุเข้าองค์เจดีย์นั้น ฟ้าที่ขมุกขมัวก็เปิดเป็นแสงสว่างจ้าส่องลงมาเป็นลำ สร้างความแปลกใจแก่คนที่อยู่ในพิธี หลวงพ่อบอกว่า ท่านถึงกับขนลุก ซึ่งผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ยังอดแปลกใจไม่ได้
จากนั้นท่านเล่าว่า ขณะที่ท่านจะแผ่เมตตานั้น ท่านไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะว่าวิญญาณบนดอยไม่ยอมรับ
การแผ่เมตตานั้น เนื่องจากถึง เวลาที่พวกเขาจะได้ลงมาเกิดแล้ว ท่านได้อธิบายต่ออย่างละเอียดว่า แต่เดิมชาวเขาไม่ได้อยู่บนดอย แต่อยู่ในที่ลุ่มเป็นเจ้าแผ่นดินเดิม พระของพวกเขาจะกินเจคล้าย ๆ กับพระจีน แต่เมื่อพุทธศาสนาลังกาวงศ์เข้ามาสู่ประเทศไทยสมัยสุโขทัย พระของลัทธิลังกาวงศ์นั้น ฉันเนื้อได้ และมีลักษณะเหมือนพระในปัจจุบัน พวกเจ้าถิ่นเดิมก็ถูกทำลายล้าง จนต้องหนีขึ้นไปอยู่บนดอยนับตั้งแต่นั้นจนเหลือชาวเขา ในปัจจุบัน ซึ่งบัดนี้วิญญาณที่ถูกทำลายล้างไปนั้น ได้เวลาที่จะกลับลงมาแล้ว พวกเขาจึงไม่ยอมรับการแผ่เมตตาที่ได้แผ่ไปให้
'มันเป็นกรรมของพวกเขา เคยทำอย่างไรกับพวกเขาก็จะต้องโดนกลับคืนบ้าง อีกหน่อยพระทั้งหลายจะต้องถูกยึดเงินจนหมด และก็ไม่สามารถอยู่ในสภาพพระเช่นนี้ได้ เมื่อเรื่องพระหมดไป หลังจากนั้นอีกประมาณปีครึ่งก็จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3' 
(การหยั่งรู้การณ์ล่วงหน้าของพระอาจารย์นี้ อาจไปคล้องจองกับ การรมควันต้นมะม่วง ให้ออกผล ที่ในหลวงทรงกล่าวถึงเอาไว้ในหนังสือ พระมหาชนก..ซึ่งจะรวมไปถึงยกเลิกการแต่งตั้งยศฐาบรรดาศักดิ์ให้แก่คณะสงฆ์ออกไป กลับไปปฏิบัติตามแบบอย่างในพุทธกาลที่เรียบง่ายงดงาม และทำการสังคายนาพระธรรมวินัยเสียใหม่ ให้การปฏิบัติต่างๆ ตรงกับในพระธรรมวินัยเช่น ตอนต้นพุทธกาลอีกวาระหนึ่ง และจะได้ขออโหสิกรรม กฏระเบียบที่ราชวงศ์จักรีได้กำหนดขึ้นไว้กับพระรัตนตรัย และเสริมบุญบารมีให้แก่ส่วนรวมของประเทศไทยสืบไป)
ผมถึงกับตะลึงที่ท่านพูดถึงเรื่องนี้ออกมา โดยไม่มีใครถาม ท่านเลย และเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินกับหูที่ท่านได้พูดถึงเรื่องอนาคต ท่านบอกว่า จริง ๆ แล้วไม่ค่อยอยากเล่านัก เพราะจะทำให้คนตื่นกลัวกัน แต่ที่ท่านเล่าให้ฟังก็เพื่อไม่ให้พวกเราประมาท และเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นนั้นอยู่ในวิสัยของท่านที่จะรู้ได้
'โยมก็จำเอาไว้เล่น ๆ ก็แล้วกัน ถ้าหากเหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้น ก็จะนึกได้ว่า อ๋อ หลวงพ่อเคยพูดไว้'
ท่านกล่าวอย่างติดตลก ในคืนถัดมา เมื่อผมได้มีโอกาสซักถามกับท่านโดยตรง ท่านได้เล่าเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน มีการระบุถึงบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย แต่ผมคงจะขอข้ามส่วนนี้ไป เพราะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยเกินไป และโดยส่วนตัวแล้ว ผมสนใจในภาพรวมที่จะเกิดขึ้นมากกว่า
 'ถ้าเกิดสงครามโลกแล้วเราจะทำอย่างไรดีครับ ?' มีคนถามขึ้น
'ไม่ต้องกลัวหรอกโยม' ท่านตอบ
แต่แทนที่คำตอบของท่านจะทำให้หายกลัว สำหรับผมแล้วกลับตะลึงหนักเข้าไปอีก เพราะท่านได้พูดต่อว่า
'ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้อยู่ทันดูสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเปล่า'
หลายคนอาจดีใจว่า สงครามโลกอาจจะใช้เวลาอีกนานกว่าจะเกิดซึ่งตัวเองก็คงตายไปเสียก่อนอะไร ทำนองนั้น แต่ในความคิดของผม คนเราอาจมีสิทธิ์ตายจากภัยพิบัติอย่างอื่นได้ก่อนเกิดสงคราม ซึ่งหลังจากนั้นหลวงพ่อได้เล่าต่อไปว่า การใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลืองจะทำให้ ธาตุต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นโลกแปรปรวน       ในแกนกลางของโลกซึ่งเอียงอยู่ประมาณ 23 องศาครึ่ง จะมีมโนธาตุมากขึ้น คือมันจะกลวง และเบาขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันจะพลิกตัวลงอย่างกระทันหัน (หลวงพ่อทำมือให้ดู)
'ทำให้เกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรงแก่มนุษย์ทั้งหลาย คนจะลอยเคว้งคว้างไปทั่ว บ้างหาที่เกาะแต่ไม่อยู่' 

(ในประเด็นคนลอยเคว้งคว้างนี้ เคยได้รับทราบจากลูกศิษย์พระอาจารย์ ที่ติดตามปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน กับพระอาจารย์มา 15 ปี   ที่ KU HOME ที่พระอาจารย์จะลงมาให้การอบรม 2 เดือน/ครั้ง ได้พูดถึงการเตรียมเซฟเฮ้าส์ ว่าในห้องนอน ไม่ควรมีสิ่งของ ตู้โต๊ะที่จะเคลื่อนที่หรือล้มมาทับคนที่อยู่ข้างใน หรือเราซวนเซไปกระแทกเข้า ม่ว่าจะเป็นผนังห้อง หรือเพดาน และหน้าต่างก็ไม่ควรใช้กระจก ให้เป็นบานไม้แทน แต่ตอนนั้นได้ฟังแล้วก็ไม่ได้ซักถามในรายละเอียดและเหตุผลว่าทำไม ต้องเตรียมห้องนอนหลบภัย ในแบบที่กล่าวแล้ว
เมื่อได้มารับทราบจากบทความในเว็บเพจนี้ แล้วนำมาต่อจิ๊กซอร์กันแล้ว ทำให้เข้าใจสภาพอนาคตที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน และลูกศิษย์พระอาจารย์ท่านเดิมยังได้เน้นว่า เมื่อสัญญาณอันตรายปรากฏขึ้น  ซึ่งในตอนนั้นก็ไม่ได้ถามว่าเป็นสัญญาณชนิดใดอีกเหมือนกัน ต่อเมื่อได้มาติดตามค้นหาข้อมูลต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากๆเข้า จึงได้ภาพที่ชัดเจน ว่าสัญญาณอันตราย สิ่งหนึ่ง ก่อนจะเกิดเหตุภัยพิบัติ ครั้งรุนแรงวาระแรก พระอาทิตย์จะส่องแสงสีแดงออกส้ม ก่อนจะลับฟ้า และจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น 2 ดวง
และต่อมาจะเกิดสุริยุปราคาขึ้น ก่อนที่ดาวต่างๆจะมาเรียงตัว เป็นแถวเดียวกัน ในระนาบของกาแลกซี่ทางช้างเผือก ตั้งแถวเล็งไปที่ดาวหลุมดำ ใจกลางของแกแลกซี่ทางช้างเผือก และต่อมาทั่วจักรวาลต่างๆจะเห็นแสงวาบสว่างผิดปกติเกิดขึ้น  ผู้ที่ได้เตรียมการอพยพไปที่หลบภัยเอาไว้ล่วงหน้า ให้รีบออกเดินทางทันที และควรเข้าถึงที่พักภายใน 6-7 ชั่วโมงเป็นอย่างช้า
หากต้องผ่านเขตที่มีแผ่นดินไหวมาก ถนนอาจแตกหักใช้การไม่ได้ และมีสิ่งก่อสร้างต่างๆหักพังลงมากีดขวางทางจราจร และอุปสรรคอื่นๆอีกหลายๆอย่าง เพื่อความปลอดภัยของชีวิตตนเอง เมื่อตกผลึกความเห็นของตนเองแล้ว ว่าเหตุเภทภัยจะเกิดประมาณเวลาใด วันใด เดือนใดแล้ว ท่านก็ควรเดินทางไปถึงเซฟเฮ้าส์ล่วงหน้าเสียก่อนอย่างน้อย 3-5 วัน จะได้ไม่ต้องขับรถไปลุ้นไปว่าทางข้างหน้าที่ทุกคนต่างเร่งรีบ จะยังพอมีช่องทางให้เราเดินทางไปถึงที่หมายหรือไม่.....ท่านที่สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ลิงค์นี้ และอีกลิงค์ 
แล้วรถของเราจะต้องตรึงเอาไว้หรือเปล่า ส่วนเซฟเฮ้าส์ เป็นสิ่งแน่นอน ที่ต้องยึดเหนี่ยวเอาไว้ให้มั่นคงติดกับพื้นดิน และป้องกันลมพายุที่พัดรุนแรงผิดปกติเอาไว้ด้วย ท่านจึงต้องคาดการณ์ทิศทางลม ในบริเวณที่ท่านเลือกทำเลสร้างเซฟเฮ้าส์ด้วย ว่าควรจะมีลมพัดแรงมาในทิศทางใด จะได้ปรับทิศของสิ่งก่อสร้างให้ต้านลมน้อยที่สุด
ส่วนที่เป็นหลังคา ท่านอาจต้องเตรียมป้องกันลูกเห็บขนาดใหญ่ หรือสเก็ดของแข็งจากท้องฟ้า ตกลงมา กระแทก เมื่อเร็วๆนี้ ลูกเห็บที่ตกที่แคนาดาใหญ่โตถึง 1 ฟุต คงต้องมีมาตรการป้องกัน ...ส่วนในโซนประเทศไทย น่าจะเป็นเศษขยะอวกาศที่เหลือจากการเผาไหม้ในอากาศไม่หมดมากกว่า

ทั้งในรูปแบบทางวิศวกรรม และในรูปแบบของกำลังภายใน ที่อิงกับพลานุภาพของพระรัตนตรัย ที่จะได้พิสูจน์กันคราวนี้ ต่อหน้าต่อตา ของผู้ที่จะต้องอยู่เผชิญ สิ่งแวดล้อม ที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ พยายามนำบางเรื่อง ที่นึกได้นำมาปูแนวความคิดให้หลายๆท่าน ได้นำไปใช้ต่อยอด ด้านความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว 
ไม่ใช่เตรียมเซฟเฮ้าส์เอาไว้อย่างดี ไปถึงแล้วกลับไม่ปลอดภัยแก่ชีวิต ทั้งลม ฝน และสภาพไร้น้ำหนักของโลก ที่ไม่มีแกนพลังงานหลงเหลืออยู่
ดูคล้ายๆกับอยู่ในซิมมูเลเตอร์ของนักบินอวกาศ จนกว่าโลกที่เหลืออยู่จะได้สถาปันนาแกนพลังงานใหม่แน่นอนแล้ว ดูๆไปก็น่าสนุกดีระหว่างที่ลอยไปลอยมาในที่จำกัดภายในเซฟเฮ้าส์เล็กๆ)

(เมื่อได้ทราบข้อมูล คนตัวเบาจากพระอาจารย์รัตน์ เบาจนอยู่ในสภาพเหมือนแหวกว่ายอยู่ในอวกาศ เรื่องนี้ก็ยังติดอยู่ในใจเรื่อยมา ต่อมาเมื่อเช้าวันที่ 22 ก.ย. 2553 จึงได้ข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาว่า ตัวคนจะขยายใหญ่ขึ้นประมาณ 2 เท่าตัว สร้างปัญหากับผู้ที่อยู่ในที่แคบๆเช่นในเรือดำน้ำ จะผ่านช่องแคบๆในเรือไม่ได้ ส่วนผู้ที่กำลังอพยพเคลื่อนย้ายหนีภัยในวินาทีสุดท้ายทางรถยนตร์ จะมีปัญหา
ถ้ามีผู้โดยสารเต็มคัน รถยนตร์จะรับน้ำหนักน้อยลงแต่ขนาดใส่ผู้โดยสารไม่เพียงพอ และอีกประการหนึ่ง กำลังคลื่นแม่เหล็กที่ดวงอาทิตย์ส่งมาให้โลกตลอดเวลา ยังทำให้อารมณ์ของคนวิปโกรธกันได้ง่ายมาก ในเรื่องที่รู้สึกขัดหูขัดใจเพียงเล็กน้อย ปัญหาทางอารมณ์ที่ทรามลงไปนี้ จะสร้างปัญหาแก่มนุษย์และสังคมมากทีเดียว
โดยความเป็นจริงของพลังงานเส้นแรงแม่เหล็ก ที่ท่วมโลกมากขึ้นทุกวันในปัจจุบันนี้ ก็สร้างปัญหาด้านสุขภาพแก่สิ่งมีชีวิตมากขึ้นทุกวันอยู่แล้ว เนื่องจากโลกต้องรับพลังงานมาจากดวงอาทิตย์และดาวหลุมดำใจกลางกาแลกซี่ทางช้างเผือก เพิ่มขึ้นตลอดเวลาทุกวินาที แต่ไม่สามารถคลายออกปล่อยทิ้งไปทางขั้วโลกใต้สู่ดวงดาวดวงอื่นๆ กลับเก็บพลังงานเอาไว้ทั้งหมด จึงสร้างปัญหาเช่นอากาศร้อนเพิ่มขึ้นเร็วมาก
พร้อมกับเพิ่มปริมาณรังสีแกมม่าที่นักวิจัยเยอรมันค้นพบที่บริเวณขั้วโลกเหนือ และยังไปเพิ่มปริมาณความร้อนให้ภายในเซลล์ทั่วร่างกาย หากมนุษย์ไม่มีเครื่องป้องกันคลื่นพลังงานตัวนี้ ความร้อนภายในเซลล์ทำให้นิวเครียสขยายตัว และยังมีผลกระทบต่อจิตใจ ให้หงุดหงิดและโกรธง่ายอีกด้วย ซึ่งจะเป็นปัญหาส่วนบุคคลและสังคมสูงยิ่งขึ้นโดยลำดับ
ได้ฟังการสัมมนาเจาะลึกภัยพิบัติ เมื่อ 29 ธ.ค. 2553 ที่ ม.ศรีปทุมและองค์กรอื่นๆอีก 3 รายช่วยกันจัดขึ้นนั้น พระอาจารย์รัตน์ได้เปิดเผยในที่ประชุมทราบว่าโลกกำลังเผชิญกับประจุลบจำนวนมหาศาลจากกาแลกซี่อันโดรเมดา ส่งมา ซึ่งจะมีผลร้ายแก่สุขภาพมนุษย์สัตว์สิ่งมีชีวิตต่างๆ มนุษย์จะยิ่งหายใจลำบาก ขาดน้ำในร่างกายมากขึ้น เลือดจะกลายเป็นกรดมากขึ้น หากความเป็นกรดลงมาถึง  pH 6.6 จะเกิดอาการโคม่า
วิกฤตที่พูดถึงจะไม่เกิดขึ้นทันที ไม่ต่างกับน้ำซึมบ่อทราย หรือตายผ่อนส่งโดยคนส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ และไม่เคยคิดหาอุปกรณ์ป้องกันชีวิตตนเอง หรือแม้แต่ผู้ที่ได้รับฟังกับหูตนเอง ก็ยังงมีอีกมาก รับไม่ได้และยากที่จะเข้าใจ เนื่องจากมันเป็นพลังงานลบ ต้องใช้คุณภาพจิตที่ละเอียดพอสมควร
เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2554 ได้มีโอกาสไปกราบท่านครูบาอินทร เจ้าอาวาสวัดสันป่ายางหลวง ที่ จ.ลำพูน ได้เรียนปรึกษาท่านถึงการเล็งๆที่ดินที่วังน้ำเขียวเอาไว้ พระคุณเจ้าตอบทันทีว่าที่นั่นเหนื่อยนะ ก็พอจะเข้าใจสิ่งที่ท่านเตือน มาทบทวนในพุทธทำนายว่าพื้นที่ภาคอิสานจะไม่ประสบภัยพิบัติมากนัก โดยเฉพาะแผ่นดินไหว แต่หลังเหตุรุนแรงของโลกผ่านไปบริเวณภูมิภาพนี้จะอดอยากและมีโรคระบาดมากที่ผุ้คนจะล้มตาย
ตามธรรมดาผลย่อมเกิดแต่เหตุ ก็น่าเสียใจ ที่พี่น้องทางภาคนี้ ค่อนข้างเชื่อข่าวต่างๆง่าย และไม่มีเวลาและอุปกรณ์ในการตรวจสอบข่าวสาร จึงเชื่อคำโฆษณาด้านลบต่างๆได้โดยง่าย จึงถูกพาลงเหวมรณะไปโดยที่ตนเองไม่ได้ตั้งใจ เมื่อในใจของพี่น้องเหล่านี้ไปยึดมั่นในสิ่งที่เป็นปีศาจ หรือมารร้าย จึงกลายเป็นพวกของมารไปโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นเหยื่อของมารที่จะมาล้างผลาญชีวิต ตามที่พระแม่องค์ธรรม หรือพ่อเกิดแม่เกิดของทุกสรรพสัตว์ ท่านเปิดเผยให้ทราบ ในที่สุดที่ยังคงเหลือคือผืนแผ่นดินที่แห้งแล้วอดอยาก ยากที่สิ่งมีชีวิตจะดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ เมื่อต้องอดทั้งน้ำและอาหาร และยังอุดมไปด้วยโรคระบาดร้ายแรงอีกด้วย แล้วอย่างนี้สภาพชีวิตจะมีอะไรเหลือ
ในรายละเอียดลึกๆพี่น้องชาวอิสานคงจะตระหนักแก่ใจได้ดี ว่าสภาวะการดำรงค์อยู่ในสังคมส่วนใหญ่ในภูมิภาคของอิสานนั้นเป็นอย่างไร  พลังงานของจิตโดยรวมที่เป็นลบจะดึงดูดสิ่งที่เป็นลบด้วยกันเข้ามาโดยอัตโนมัติ ที่เล่าให้ฟังนี้เป็นการขยายความ 'คำ' ของท่านครูบาอินทร ที่ท่านใช้คำว่าเหนื่อยนะที่นั่น แต่อย่างไรก็ตามในบางจังหวัดที่ในพุทธทำนาย ได้พูดถึงว่าจะพออยู่ได้บางจังหวัดเช่นที่อุดร อุบล เป็นต้น
สำหรับผู้ที่ต้องรับมือสิ่งรบกวนทั้งความร้อนรอบร่างกาย และความร้อนสะสมในร่างกายทั่วทุกเซลล์ ร้อนทั้งนอกร้อนทั้งใน มีออกซิเจนสำหรับหายใจน้อยลง ผสมกับคนปัจจุบันหายใจถี่และตื้น ก็จะทำให้หัวใจหยุดเต้น เพิ่มปริมาณมากขึ้นอย่างน่าสงสาร ที่จะมีมนุษย์ทั่วโลกเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิด เช่นเดือนที่แล้ว ชาวมอสโคว์เสียชีวิตนับหมื่นคน ต้นเดือน ก.ย. ทางญี่ปุ่นเริ่มเสียชีวิตและอีกครึ่งแสนต้องเข้าโรงพยาบาลด่วน โดยคลื่นความร้อนปรากฏขึ้นเป็นโซนๆ หมุนเวียนไปทั่วโลก)
คนที่จะรอดได้ก็คือ....

.....คนที่สามารถตัด 'จิตใจ' ออกจากร่างกายที่เจ็บปวดได้เท่านั้น (ท่านยกตัวอย่างคนที่ถูกผ่าตัดแล้วไม่เจ็บ) และท่านยังบอกว่าการทดลองนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส จะทำให้เหตุการณ์นั้นเกิดเร็วยิ่งขึ้น ผมไม่แน่ใจว่าที่ท่านบอกว่าแกนโลกจะพลิกนั้นเป็นอย่างเดียว ' Pole Shift' หรือเปล่า ? หลวงพ่อท่านกล่าวต่ออีกว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะมากขึ้น อากาศแปรปรวน แผ่นดินไหว น้ำท่วมจะรุนแรงขึ้นตามลำดับ (จากกรุงเทพ ฯ ถึงนครสวรรค์จะจมน้ำหมด และศูนย์กลางจะย้ายมาอยู่ที่ลำพูน)
หากแพนดูในแผนที่ พื้นที่ราบใน จ.นครสวรรค์ จะสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 100 เมตร เอ็ดการ์ เคซี่ย์ นักพยากรณ์เหตุการณ์อนาคต ที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯ ได้มองเห็นว่าโลกจะมีระดับน้ำทะเลขึ้นสูงกว่าเดิม 9 เมตร ในเมื่อ พื้นที่จังหวัดนครสวรรค์กลายเป็นทะเล นั่นแสดงว่าพื้นที่ดินอ่อน กทม.และที่ลุ่มภาคกลาง แถบนครสวรรค์ยังถูกน้ำทะเลท่วมถึง พื้นที่เหล่านี้ต้องได้รับคลื่นแผ่นดินไหวรุนแรงและเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกัน ดินจึงเสียโครงสร้างรับน้ำหนักตัวเองไม่ได้ และยุบตัวลง ซึ่งประเทศต่างๆรอบประเทศไทยล้วนมีพื้นที่ใช้สอยอยู่ในพื้นราบในระดับต่ำกว่า100 เมตร เหนือน้ำทะเลเป็นส่วนใหญ่ หากใช้น้ำทะเลท่วมนครสวรรค์เป็นเกณฑ์ พื้นแผ่นดินในแหลมอินโดจีนก็จะถูกท้องทะเลกลืนกินไปมากกว่าครึ่ง นอกจากส่วนที่เป็นภูเขาสูงกว่า 200 เมตรขึ้นไป ทั้งนี้ก็รอคอยดูกันต่อไปอีกไม่นานก็จะปรากฏผลให้เห็นแผนที่โลกใหม่ ของนายกอร์ดอน ที่ยังพิมพ์จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ยังไม่ได้นำเม็กกะสึนามิ ที่เกิดจากแผ่นทวีปเคลื่อนตัว และเกิดจากภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิด คลื่นขนาดใหญ่เหล่านี้ทั้งกดและดูด พื้นดินอ่อนจึงถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว และคลื่นสึนามิ มิได้เกิดจาก 2 สาเหตุที่กล่าวแล้วเท่านั้น ลมพายุที่พัดรุนแรงและก้อนอุกกาบาดขนาดต่างๆที่ตกลงมาจากฟ้า ก็ยังสร้างความเสียหายบนพื้นผิวโลกได้อย่างรวดเร็ว เช่นแห่งสำคัญๆของโลก ที่ปรากฏภาพต่อการหยั่งรู้ของนอสตราดามุส ก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ยากจะคาดคิด ว่าระหว่างที่ดาวหางดวงใหญ่พร้อมบริวารอีก 5 ดวง จะมีของแถมมาให้แก่ชั้นบรรยากาศของโลก ให้ชาวโลกได้อกสั่นขวัญผวากันได้ไม่น้อยเลย ท่านที่สนใจลองแวะศึกษาในลิงค์ต่างๆได้ตามต้องการ




 'ใครอยากช่วยไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้ (ภัยธรรมชาติ) เกิดขึ้นบ้าง? ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ก็ต้องเลิกใช้น้ำมันกันให้หมดจะทำได้ไหมล่ะ ? '
ไม่มีใครตอบท่านเลย ... สิ่งสำคัญอีก สิ่งหนึ่งคือสัญญาณเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น ซึ่งพอสรุปได้ว่าก่อนเกิดสงครามโลก 1 ปีถึง 1 ปีครึ่งจะมีเหตุการณ์ เหล่านี้เป็นสัญญาณคือ ... ในไทยพระจะถูกยึดเงิน ในระดับโลกจะมีการสร้างบ้านเรือนบนอวกาศ แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ซึ่งมีทางเป็นไปได้ โดยตรรกะว่าเมิ่อเกิดภัยธรรมชาติจะเกิดความแร้นแค้น ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งต่าง ๆ อันจะเป็น ชนวนให้เกิดสงครามขึ้นมาได้ แต่ที่สำคัญก็คือระยะเวลาเหลืออีกเท่าไร เดือนสิงหาคมใช่หรือไม่ ? หลวงพ่อท่านบอกว่าระบุไม่ได้ ขนาดนั้น ผมจึงต้องถามท่านใหม่ว่า

" อีกประมาณ 4 - 5 ปีข้างหน้านี้ใช่ไหมครับ " ท่านตอบว่า " ประมาณนั้น "

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังการฝึกในช่วงเช้ามืดจบลง หลวงพ่อท่านได้บอกเคล็ดลับของการฝึกสมาธิหมุนให้แก่ผู้อบรมที่ยังเหลืออยู่ จากนั้นท่านก็ให้พรและกล่าวลากับทุกคน ผมจากวัดของหลวงพ่อมาหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ ริม 2 ข้างทางนั่นสงบเงียบเหลือเกิน แต่ในจิตใจของผมล่ะ ...
ผม เองไม่รู้สึกตื่นกลัวมากนัก ถ้าหากเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นจริง อาจเป็นเพราะผมเองก็มีภาพเหล่านั้นอยู่บ้างแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะร้าย แรง และรวดเร็วอย่างที่หลวงพ่อท่านบอก โดยส่วนตัวของผมบัดนี้ได้พบคำตอบแล้วว่า ทำไมความรู้สึกก่อนมาที่วัดนี้ของผมจึงเป็น ต้องไปมากกว่าควรไป

สิ่ง ที่ผมได้รับรู้นั้นมันทำให้คลายความยินดีในเรื่องความสำเร็จทางการงานที่ เพิ่งได้รับมาหมาด ๆ ลงอย่างหมดสิ้น สิ่งที่ผมนึกออกตอนนั้น ก็คือ
" ต่อไปนี้เราจะประมาทไม่ได้แล้ว "
(ประเทศไทยไม่ใช่คู่สงครามโดยตรงก็จริง แต่ก็จะได้รับผลกระทบจากกัมมันภาพรังสี จากอาวุธนิวเคลียร์ที่แพร่กระจายไปกับชั้นอากาศที่แปรปรวน มากับลม กับ ฝน และการหมุนรอบตัวเองของโลก มาถึงตรงนี้หลายๆคนที่ได้รับการยืนยันจากครูอาจารย์ ในเรื่องบารมีของพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพ ป้องกันรังสีอันตรายต่างๆมาแล้ว ซึ่งท่านเหล่านั้นไม่ได้ตั้งใจพูดขึ้นเพื่อการโอ้อวดใดๆ แต่ท่านทราบชัดว่าลูกหลานจะพบมันในอนาคต จึงได้บอกให้ทราบที่พึ่งพาอาศัยให้ชีวิตปลอดภัย
ส่วนอาวุธเส้นแสง นั้นมีพลานุภาพยิ่ง ที่ชาวแอตแลนตีส 2 ฝ่ายที่ตกลงกันไม่ได้ได้นำออกมาใช้ประหัตประหารกัน เกิดคลื่นความถี่สูงมาก จนกระทั่งแผ่นดินรับไม่ไหว ทวีปแอตแลนตีสจึงได้ยุบตัว จมลงใต้ทะเล แล้วหากนำมาใช้ในอนาคตสงครามโลกครั้งที่ 3 ผลอย่างที่ชาวแอตแลนตีส เคยได้รับในอดีต ก็จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่ผืนแผ่นดินตรงไหนบ้างที่จะยุบตัวกลายเป็นทะเลไป หรือจะเป็นตามที่นายกอร์ดอน มองเห็นและสร้างแผนที่โลกใหม่ จำหน่ายตั้งแต่ 2525 มาจนถึงปัจจุบันนี้  ท่านทั้งหลายหากยังมีชีวิตรอดปลอดภัยอยู่ ก็คอยสดับตรับฟังข่าวต่อไปเท่าที่สื่อต่างๆที่ยังพอมีหลงเหลืออยู่จะรายงานได้
ท่านอาจารย์รัตน์ นั้นอันที่จริงท่านเคยเป็นนักวิทยาศาสตร์ใหญ่ผู้เชี่ยวชาญ ทำงานร่วมกั้บชาวดาวอังคารในยุคชาวแอตแลนตีสมาก่อน ท่านจึงทราบเรื่องเกี่ยวกับพลังงานทั้ง 7 ระดับได้เป็นอย่างดี และพลังงานระดับที่ 7 ที่นำใช้สร้างและยกหินก้อนใหญ่ๆน้ำหนักหลายๆตันเข้าที่ ในการสร้างองค์พีระมิด และสฟิงซ์ ที่ใช้หินก้อนเดียวมาสร้างดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน  ชาติปัจจุบันท่านจึงได้นำมาพีระมิดมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ต่างๆ และเมื่อต้นปี 2010 ที่ท่านอาจารย์ลงมาให้การอบรม วิปัสสนากรรมฐานที่ KU HOME ในช่วงท้ายการอบรม ท่านอาจารย์จะเปิดให้ถามปัญหาต่างๆ ก็ได้กราบเรียนถามถึงชาวดาวอังคาร ซึ่งได้นำยานมาขึ้นลงที่ สถานปฏิบัติธรรม ที่แม่ริม โดยใช้เส้นแสงพีระมิดกันยาน กระแทกพื้นโลก
และท่านอาจารย์ยังได้อาศัยเส้นแสงเดินทางไปช่วยให้การรักษาพยาบาล ให้แก่ชาวดาวอังคารที่มาช่วยงานของท่านที่แม่ริมเกิดประสบอุบัติเหตุที่โลก ท่านอาจารย์ก็อาศัยเส้นแสงเดินทางไปและกลับไปให้การสงเคราะห์แก่พวกเขาให้เสร็จสิ้นด้วยดี ด้วยพลังรังสีคลื่นสีเหลือง
และยังได้กราบเรียนถาม ถึงการใช้ประโยชน์ของ เส้นแสง ท่านอาจารย์ บอกให้ทราบว่าประยุกต์ใช้ได้หลายอย่าง ทั้งทางที่ดี และไม่ดี แต่ชาวดาวอังคารใช้แต่ในด้านที่เป็นคุณประโยชน์เท่านั้น อายุขัยของพลโลกที่นี่จึงยืนยาวมากกว่ามนุษย์โลกอย่างเทียบกันไม่ได้ จึงรู้เห็นการณ์ต่างๆที่เคยเกิด และจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี
ชวนคุยมาถึงตรงนี้ อยากจะถามหลายๆท่านที่ฝึกอบรมใช้พีระมิดในลักษณะต่างๆมาแล้ว น่าจะพัฒนาต่อไปให้สามารถใช้พีระมิด ป้องกัน รังสีอันตรายต่างๆ และพลังคลื่นความร้อนที่กำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นโดยลำดับ มีโอกาสไต่ระดับไปถึง 50 องศาได้ไม่ยาก แต่แค่ 40 องศา ชาวมอสโคว์ก็เสียชีวิตกันหลายหมื่นคนแล้ว ส่วนในอนาคตท่านก็ลองใช้การคาดการณ์ของท่านเอาเอง ก็คงพอจะมองเห็นจำนวนผู้เสียชีวิตเนื่องจากความร้อน ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ว่าจะขึ้นไปที่หลัก 100, 1,000 ล้าน เมื่อใด ก่อนที่จะถึงวาระสงครามโลกครั้งที่ 3
พีระมิดของพระอาจารย์รัตน์ ใช้ขจัดพลังงานเส้นแรงแม่เหล็กจากอวกาศ ที่ปัจจุบันลงมาท่วมผิวโลกเข้าปีที่ 10 และทำลายนิวเครียสของเซลล์ให้เสื่อมโทรม ยามที่พลังเส้นแรงแม่เหล็กกำลังท่วมผิวโลกในปัจจุบัน ได้ทดลองใช้ในการช่วยลดแรงต้านระหว่างรถยนตร์วิ่งได้เป็นผลดี  เมื่อนำรถไปวิ่งอยู่ในอาณาบริเวณภายในพีระมิด ผู้ขับจะรู้สึกเบาที่คันเร่ง ในขณะที่รถยังใช้ความเร็วได้เท่าเดิม จึงประหยัดพลังงานลงไปได้ส่วนหนึ่ง
หลายๆท่านคงจะได้รับประเด็นความรู้ และช่องทางใหม่ๆ ที่จะติดตามนำไปต่อยอด ให้เกิดประโยชน์ตน ได้อย่างดี หากท่านเป็นผู้หนึ่ง ที่ไม่ตั้งอยู่บนความประมาท ถึงแม้สุดท้ายจะต้องตายลง ก็สามารถตายได้อย่างผู้มีสติดีพร้อม


สำหรับสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น ท่านบอกว่าอาวุธนิวเคลียร์จะไม่น่ากลัวเท่า 'าวุธแสง' ซึ่งขณะนี้นักวิทยาศาสตร์สหรัฐที่ได้รับรางวัล โนเบลในปี ค.ศ. 1995 ได้ค้นพบอนุภาคที่เป็นต้นกำเนิดของอาวุธแสงแล้ว เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่ามันสามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้เท่านั้นเอง ซึ่งอนุภาคตัวนี้หลวงพ่อท่านบอกว่าเป็นตัวที่ทำให้เกิดพลังงานในระดับที่ 6 (พระพุทธเจ้าบอกไว้ว่าพลังงานมี 7 ระดับ) ซึงสามารถทะลุทะลวงผ่านทุกสิ่งไปได้ ตัวอนุภาคนี้เองที่เป็นตัวเดียวกับที่หลวงพ่อเรียกว่า 'เส้นแสง' ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของจักรวาล

ท่านยังให้ข้อสังเกตว่า 1 ปีก่อนเกิดสงครามโลก คนสามารถขึ้นไปสร้างบ้านเรือนอยู่บนอวกาศและสามารถทำกลางคืนให้เป็นกลางวัน ได้ คู่สงครามที่จะเกิดในครั้งนี้คือเอเชีย (จีน ?) กับยุโรป การทำลายล้างนั้นจะใช้อาวุธแสงยิงมาจากอวกาศ ไล่ยิงกันเป็นแนวไปสิ้นสุดที่พีระมิดที่อียิปต์ บรรยากาศหลังจากที่หลวงพ่อพูดจบ มันเงียบอย่างบอกไม่ถูก จนหลวงพ่อต้องถามขึ้นว่า