ท่าน ก็ลองคิดดูสิว่า ถ้าหากเกิดกองทัพจานบินมหาศาลของมนุษย์ต่างดาวลอยเหนือน่านฟ้าโผล่แสดงแก่ สายตามหาชนชาวโลกอย่างเปิดเผยชัดเจนในยามที่โลก กำลังอยุ่ในความสงบอยู่ คือ ยังไม่เกิดสงครามกลียุคล้างโลก ยังไม่เกิดภัยพิบัติที่รุนแรงสูงสุดแล้ว คือ เหตุการณ์ยังไม่รุนแรงถึงจุดวิกฤตจริงๆแล้วมหาชน ชาวโลกจะมองว่ามนุษย์ต่างดาวนำกองทัพมารุกรานยึดครองโลกทำลายล้างเผ่าพันธ์ โลกอย่างแน่นอน ชาวโลกจะแตกตื่นตกใจหวาดกลัวมองมนุษย์ต่างดาวในแง่ร้ายทันที
ซึ่งหากมนุษย์ต่างดาวจะทำจริงๆย่อมทำได้ เพราะกองทัพของมนุษย์ไม่สามารถสู้รบกับกองทัพที่มีอารยธรรมสูงกว่าของมนุษย์ต่างดาวได้เลยแต่การยึดครองโลกทำลายเผ่าพันธ์มนุษย์ไม่ใช่เจตนาของมนุษย์ต่างดาวที่มีอารยธรรมที่สูงส่งที่สมบูรณ์เหนือกว่าชาวโลกสีน้ำเงินแน่นอนอีก ทั้งตอนนี้อารยธรรมของมนุษย์ชาวโลกสีน้ำเงินของเรายังเป็นอารายธรรมที่ไม่ สมบูรณ์ขัดแย้งกับอารยธรรมสากลจักรวาลของมนุษย์ต่างดาวอยู่ ทำให้มนุษย์จะไม่เข้าใจมนุษย์ต่างดาว และ เห็นว่าไม่ใช่พวกเดียวกับตน ไม่มีวัฒนธรรมเดียวกับตน
ซึ่งหากมนุษย์ต่างดาวจะทำจริงๆย่อมทำได้ เพราะกองทัพของมนุษย์ไม่สามารถสู้รบกับกองทัพที่มีอารยธรรมสูงกว่าของมนุษย์ต่างดาวได้เลยแต่การยึดครองโลกทำลายเผ่าพันธ์มนุษย์ไม่ใช่เจตนาของมนุษย์ต่างดาวที่มีอารยธรรมที่สูงส่งที่สมบูรณ์เหนือกว่าชาวโลกสีน้ำเงินแน่นอนอีก ทั้งตอนนี้อารยธรรมของมนุษย์ชาวโลกสีน้ำเงินของเรายังเป็นอารายธรรมที่ไม่ สมบูรณ์ขัดแย้งกับอารยธรรมสากลจักรวาลของมนุษย์ต่างดาวอยู่ ทำให้มนุษย์จะไม่เข้าใจมนุษย์ต่างดาว และ เห็นว่าไม่ใช่พวกเดียวกับตน ไม่มีวัฒนธรรมเดียวกับตน
ดัง นั้น มนุษย์ต่างดาวที่เปรียบเสมือนกองกำลังสหประชาชาติของจักรวาลที่มีหน้าที่ ช่วยเหลือดวงดาวที่กำลังประสบปัญหารุนแรงถึงขั้นวิกฤตเท่านั้นจึงจะยื่นมือ มาช่วยเหลือหากเกิดสงครามล้างโลก และ ภัยพิบัติที่รุนแรงสูงสุดจนมนุษย์ไม่สามารถจัดการอะไรได้อีก ถึงจุดวิกฤตทางตันที่ต้องการความช่วยเหลือเมื่อนั้นโลกจะมืดมนเต็มไปด้วย ควันพิษจากไฟที่เผาจากสงครามล้างโลก มองไม่เห็นแสงสว่างบนฟากฟ้าใดๆที่ส่องมายังโลกอีก ไม่มีทั้งแสงอาทิตย์ แสงจันทร์ และ แสงดาว |
เมื่อนั้น กองทัพจานบินของมนุษย์ต่างดาว ก็จะลอยเหนือน่านฟ้าโผล่แสดงแก่สายตามหาชนชาว โลกอย่างเปิดเผยชัดเจน ส่องแสงสีขาวสว่างจ้าเหนือฟากฟ้าความมืดดำของโลก,ซึ่งแสดงถึงแสงสว่างแห่ง ความรอดของมนุษยชาติชาวโลกเองจะเข้าใจและยอมรับความช่วยเหลือของกองทัพ มนุษย์ต่างดาว ไม่มองว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นผู้มารุกรานยึดครองโลกแน่นอนแต่จะมองว่าเป็นผุ้ มาช่วยเหลือให้รอดจากลียุคของโลกแทน
ดังนั้น มนุษย์ต่างดาวจึงยังไม่สามารถปรากฏตัวแบบเปิดเผย ชัดเจนในตอนนี้แต่จำเป็น ต้องรอให้เกิดวิกฤตจนมนุษย์หมดหนทางแก้ปัญหาด้วยตัวเองแล้วเท่านั้นกองทัพ มนุษย์ต่างดาวถึงจะปรากฏตัวอย่างชัดเจนให้ความช่วยเหลือมนุษย์ชาต รอให้อารยธรรมเก่าที่ป่าเถื่อนไม่สมบูรณ์ขัดแย้งสับสนของมนุษย์ถูกทำลายด้วย มนุษย์เองก่อนแล้วมนุษย์ต่างดาวจึงจะสามารถถ่ายทอดอารยธรรมใหม่สากลจักรวาล ให้มนุษย์แทนต่อไปอย่างไรก็ตามมนุษย์ต่างดาวก็ปรากฏตัวมานานแล้ว ปรากฏตัวเรื่อยๆ ตลอดมา เพียงแต่ไม่ได้เปิดเผยชัดเจนเป็นกองทัพแก่สายตาชาวโลกเท่านั้นเอง เพราะจำเป็นต้องรอให้ถึงเวลาวิกฤตจริงๆเท่านั้นจึงทำให้คนทั่วไปสับสนไม่สา มารถพิสจน์ได้ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่?อย่างชัดเจนจนกว่าจะถึงเวลาที่ สมควร
หลายๆท่านที่เผอิญได้อ่านตรงนี้ เพียงจดจำไว้ รอเวลาและโอกาสข้างหน้า หากได้เจอกันก็แล้วกัน...แล้วจะนอนหลับสบาย...หากต้องการพบกันจริงๆ มีอีกทางฝึกวิปัสสนาด้วยอุปกรณ์ช่วยพีระมิดของพระอาจารย์รัตน์ เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง มีพีระมิดใช้เป็นส่วนตัว ก็จะติดต่อกันได้สะดวกขึ้นครับ
ข้อมูลจาก ศ.นพ.ดร เทพพนม มนุษย์ต่างดาวบอกว่า วันที่ 22 ธค 2012 จะเกิดปรากฏการณ์ในอวกาศครั้งใหญ่ ซึ่งมีผลกระทบไปทั้งจักรวาล ในวันนั้นแกแลคซี่จะส่งแสงวาบ เจิดจ้าออกมา ดวงอาทิตย์ทุกดวงในกาแลกซี่จะสะท้อนแสงนั้น ไปยังดาวเคราะห์ที่โคจรรอบตัวมัน สิ่งมีชีวิตทั้งมวลอันมีดวงตาจะได้เห็นแสงเจิดจ้านี้ทั่วกัน โลกของเราจะปั่นป่วนด้วยพายุสุริยะ ทั้งแสงของอาทิตย์ก็จะร้อนจัดขึ้น