What are the Implications for Earth and for Me?อะไรคือผลกระทบที่จะมีต่อโลกและต่อฉัน?
คำถามที่แท้จริงก็คือ
อะไรคือผลกระทบที่จะมีต่อโลกและต่อฉัน?
มาดูกันที่โลกก่อน,
โลก-โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างทางแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก
การเรียงตัวกันของดวงดาวในปี 2012 คาดกันว่า
จะมีส่วนร่วมทำให้โลกเกิดการสลับขั้วของขั้วแม่เหล็กโลกด้วย
คำถามที่แท้จริงก็คือ
อะไรคือผลกระทบที่จะมีต่อโลกและต่อฉัน?
มาดูกันที่โลกก่อน,
โลก-โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างทางแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก
การเรียงตัวกันของดวงดาวในปี 2012 คาดกันว่า
จะมีส่วนร่วมทำให้โลกเกิดการสลับขั้วของขั้วแม่เหล็กโลกด้วย
ในบางช่วงเวลาที่นักวิทยาศาสตร์หลายคน ได้เฝ้าติดตามดูโครงสร้าง
ทางแม่ เหล็กไฟฟ้าของโลกทั้งสองส่วนนี้อย่างใกล้ชิด
- สนามไฟฟ้า (ที่กำลังพุ่งลงมา)
- สนามแม่เหล็ก หรือ Schumann resonance (ที่กำลังพุ่งขึ้น)
ค่าชูมาน์เรโซแนนซ์ (The Schumann resonance) หรือที่รู้จักกันในนามของ “ชีพจรของโลก”
(Earth’s heartbeat) ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากค่าปกติ 7.8 รอบต่อวินาที
หรือ ขึ้นลงอยู่ราวๆ 9 -11 รอบต่อวินาที ซึ่งคาดว่ามันจะเพิ่มขึ้นจนเป็น 13 รอบต่อวินาที
ซึ่งเป็นค่าความถี่ของ “ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข”
นาย เกรกก์ บราเดน (Gregg Braden) นักธรณีวิทยาผู้ที่กำลังทำการศึกษาเรื่องนี้อยู่
เรียกสถานที่ๆความถี่ชูมาน์ หรือความถี่คลื่นแม่เหล็ก และความถี่คลื่นไฟฟ้ามาตัดกันว่า
“จุดศูนย์” (Zero point)
มันปรากฏชัดว่า การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก จะเชื่อมโยงอยู่กับวัฏจักรกาแล็กซี่
และวัฏจักรสุริยะ
หลายคนก็มีความเชื่อคล้ายๆกับบราเดนว่า ขั้วแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกจะเปลี่ยน
เมื่อเข้าใกล้ Zero point
จากการสำรวจทางธรณีวิทยาหลายครั้ง ในแนวสันแอตแลนติกตอนกลางชี้บ่งว่า
แนวสันนี้ ได้เคยเกิดอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อนราวๆ 171 ครั้ง ในประวัติศาสตร์ของโลก
กำลังมาปรากฏอยู่ที่บริเวณส่วนบนของพื้นที่สีฟ้า และมีจุดสีฟ้ามากมาย
กำลังปรากฏอยู่ที่ส่วนล่างของพื้นที่สีส้ม
นักวิทยาศาสตร์หลายคน ที่คอยแกะรอยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อยู่เชื่อว่า
การสลับขั้วของแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
ภาพนี้แสดงให้เห็นว่า มันจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร หากว่าเรามองเห็นมันได้จากนอกโลก
ตัวอย่าง เช่น ในเดือนมีนาคมปีนี้ (2009) นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์หลายคน
กำลังทำงานร่วมกับนักธรณีวิทยาหลายคน และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์อีกหลายคนในอินเดีย
เพื่อสร้างแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ ที่พยากรณ์ปรากฏการณ์การพลิกกลับด้าน
ของขั้วแม่เหล็กโลกในปี 2012
ในขณะที่โลกเคลื่อนผ่านการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ พวกเราทุกคนต้องการรู้ว่า
“สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อฉันอย่างไร?”
เราจะมาหาคำตอบของคำถามนี้กัน โดยดูที่ภาพต่อไปนี้
และปฏิบัติการเหมือนเป็นระบบถ่ายทอดสัญญาณอย่างไร
ภาพนี้แสดงให้เห็นสองอย่าง อย่างแรกคือ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวคุณกับดาวเคราะห์โลก และดวงอาทิตย์
อย่างที่สองคือ ทั้งหมดนี้ เชื่อมโยงและปฏิบัติการเหมือนเป็นระบบถ่ายทอดสัญญาณอย่างไร
วงกลมที่อยู่ด้านล่างของภาพนี้ คือตัวคุณ คุณจะเห็นว่า ภาพวงกลมที่แสดงตัวคุณนี้
จะมีสมองอยู่สองส่วนคือ ซีกซ้ายและซีกขวา ซึ่งจะแทนด้วยสีสว่างและสีมืดตามลำดับ
และคุณก็จะเห็นว่า มันมีเส้นวงของการกำทอนกัน (resonance) และพลังงานแห่งการปฏิสัมพันธ์
ระหว่าง ตัวคุณกับโลกอยู่
วงกลมด้านบนของรูปภาพ หมายถึงดวงอาทิตย์ คุณจะเห็นว่า มันมีทั้งซีกซ้ายและซีกขวา
รวมถึง ด้านสว่างและด้านมืดด้วยเช่นเดียวกัน และมันก็ยังมีเส้นวงแห่งการกำทอนกัน
และพลังงานแห่งการปฏิสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์กับ โลกอยู่อีกด้วย
ต้องเข้าใจว่า การที่ตัวคุณถูกเชื่อมโยงอยู่กับจักวาลนั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญจริงๆ เพราะอะไร?
ก็เพราะว่า คุณจะปลดปล่อยพลังงานออกมา ส่งผลกระทบต่อการสั่นสะเทือนของดาวเคราะห์โลกหนะสิ
แล้วโลกก็จะถ่ายทอดสัญญาณนี้ไปสู่ดวงอาทิตย์ต่อ และดวงอาทิตย์ก็จะถ่ายทอดสัญญาณนั้นต่อไป
สู่ใจกลางของกาแล็กซี่ ที่ๆมันจะออกไปสู่เทหะวัตถุ (celestial bodies) อื่นๆอีก
ในทางกลับกัน เทหะวัตถุต่างๆ ก็จะส่งผ่านสัญญาณสู่ศูนย์กลางกาแล็กซี่
จากนั้นมันก็จะถูกส่งผ่านไปสู่ดวงอาทิตย์ แล้วดวงอาทิตย์ก็จะส่งผ่านสัญญาณมาสู่โลก
และโลกก็จะส่งผ่านมาสู่ตัวคุณอีกต่อหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล ล้วนเชื่อมโยงกันหมด
พวกเราสามารถเพิ่มระดับความซับซ้อนเข้าไปในรูปภาพนี้อีกก็ได้ เพื่อแสดงให้เห็นความสัมพันธ์
ของการกำทอนในทำนองเดียวกันนี้ ระหว่างดวงอาทิตย์ของเรา กับกาแล็กซี่ และกับเทหะวัตถุอื่นๆ
เช่น ซูเปอร์โนวาเป็นต้น เมื่อพวกเราเข้าใจถึงความเชื่อมโยงของทุกสรรพสิ่งในจักรวาลแล้ว
พวกเราก็จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับทุกสรรพสิ่งได้อย่างมีจิตสำนึก
นั่นหมายความว่า การเปลี่ยนระดับในครั้งนี้ ไม่ได้กำลังเกิดขึ้นกับเรา แต่หมายความว่า
พวกเรากำลังช่วยทำให้มันเกิดขึ้น และช่วยสร้างอนาคตให้กับตัวเราเองอยู่
และไม่ใช่กำลังเกิดขึ้นเฉพาะกับกาแล็กซี่ของเราเท่านั้น แต่บางที
อาจจะกำลังเกิดขึ้นกับจักรวาลทั้งมวลด้วยซ้ำไป
DNA ของพวกเรา กำลังถูกตั้งโปรแกรมใหม่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ
และกระตุ้นการทำงานร่างกายแห่งแสงสว่างของพวกเรา กาลเวลากำลังเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เพราะว่าพลังแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่
หลายคนเชื่อว่า เวลา 24 ชั่วโมงต่อวันของพวกเราในตอนนี้
ถูกหดให้สั้นลงเหลือเท่ากับ 16 ชั่วโมงของเวลาในสมัยก่อน
มันชัดเจนมาก ว่าดาวเคราะห์โลก มีความเกี่ยวข้องกับระบบสุริยจักรวาลอย่างไร
และมันก็มีความชัดเจนมากว่า พวกเรามีความเกี่ยวข้อง และเป็นส่วนหนึ่งของดาวเคราะห์โลกอย่างไร
เมื่อดาวเคราะห์โลก ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มพลังงาน ที่ถูกส่งมาจากศูนย์กลางของกาแล็กซี่
พวกเราก็จะได้รับผลกระทบนั้นไปด้วย
ดาวเคราะห์โลก ก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่มีกระบวนการเจริญเติบโต และการเปลี่ยนรูปแบบ
เป็นของเธอเอง ซึ่งพัฒนาการของพวกเรา ก็จะสะท้อนถึงพัฒนาการของเธอด้วย
พวก เราและดาวเคราะห์โลก กำลังเพิ่มระดับความถี่ของการสั่นสะเทือนให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ทั้งพวกเราและดาวเคราะห์โลก ค่อยๆเข้าไปสู่มิติ หรือโลกแห่งความเป็นจริงที่สูงขึ้น
ของการกำทอนในทำนองเดียวกันนี้ ระหว่างดวงอาทิตย์ของเรา กับกาแล็กซี่ และกับเทหะวัตถุอื่นๆ
เช่น ซูเปอร์โนวาเป็นต้น เมื่อพวกเราเข้าใจถึงความเชื่อมโยงของทุกสรรพสิ่งในจักรวาลแล้ว
พวกเราก็จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับทุกสรรพสิ่งได้อย่างมีจิตสำนึก
นั่นหมายความว่า การเปลี่ยนระดับในครั้งนี้ ไม่ได้กำลังเกิดขึ้นกับเรา แต่หมายความว่า
พวกเรากำลังช่วยทำให้มันเกิดขึ้น และช่วยสร้างอนาคตให้กับตัวเราเองอยู่
และไม่ใช่กำลังเกิดขึ้นเฉพาะกับกาแล็กซี่ของเราเท่านั้น แต่บางที
อาจจะกำลังเกิดขึ้นกับจักรวาลทั้งมวลด้วยซ้ำไป
DNA ของพวกเรา กำลังถูกตั้งโปรแกรมใหม่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ
และกระตุ้นการทำงานร่างกายแห่งแสงสว่างของพวกเรา กาลเวลากำลังเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เพราะว่าพลังแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่
หลายคนเชื่อว่า เวลา 24 ชั่วโมงต่อวันของพวกเราในตอนนี้
ถูกหดให้สั้นลงเหลือเท่ากับ 16 ชั่วโมงของเวลาในสมัยก่อน
มันชัดเจนมาก ว่าดาวเคราะห์โลก มีความเกี่ยวข้องกับระบบสุริยจักรวาลอย่างไร
และมันก็มีความชัดเจนมากว่า พวกเรามีความเกี่ยวข้อง และเป็นส่วนหนึ่งของดาวเคราะห์โลกอย่างไร
เมื่อดาวเคราะห์โลก ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มพลังงาน ที่ถูกส่งมาจากศูนย์กลางของกาแล็กซี่
พวกเราก็จะได้รับผลกระทบนั้นไปด้วย
ดาวเคราะห์โลก ก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่มีกระบวนการเจริญเติบโต และการเปลี่ยนรูปแบบ
เป็นของเธอเอง ซึ่งพัฒนาการของพวกเรา ก็จะสะท้อนถึงพัฒนาการของเธอด้วย
พวก เราและดาวเคราะห์โลก กำลังเพิ่มระดับความถี่ของการสั่นสะเทือนให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ทั้งพวกเราและดาวเคราะห์โลก ค่อยๆเข้าไปสู่มิติ หรือโลกแห่งความเป็นจริงที่สูงขึ้น