วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

What to Do?อะไรคือสิ่งที่ต้องทำ ?

What to Do?อะไรคือสิ่งที่ต้องทำ ?


เมื่อข้อมูลความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการเปลี่ยนระดับในครั้งนี้ มีความซับซ้อน และมันอาจจะทำให้ตกใจอยู่บ้าง
แต่มันก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ง่ายๆ ที่พวกเราสามารถทำได้ เพื่อที่จะเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้อย่างมีสติ

พวกเราต่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่า ที่ๆเราจะสามารถมีพลังอำนาจ และการควบคุมอย่างแท้จริงได้
ก็คือภายในตัวของเราเอง และที่นี่แหละคือที่ๆพวกเราจะต้องไป

เพราะว่า ระดับจิตสำนึก คือสิ่งที่จะเป็นตัวตัดสินให้ว่า พวกเราและมนุษยชาติทั้งมวล
จะข้ามผ่านปี 2012 และการเปลี่ยนระดับในครั้งนี้ได้หรือไม่ อย่างไร?




การใส่ใจต่ออารมณ์ความรู้สึกของตัวเราเองนั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งยวด
การยึดติดอยู่กับความเกลียด, ความโกรธ, ความวิตกกังวล, ความขุ่นข้องหมองใจ, ความกลัว,
และความอิจฉาริษยา จะทำให้ระดับคลื่นความถี่ของพวกเราต่ำลง และเป็นการสร้างพลังงาน
ให้กับฝ่ายที่ชอบสร้างความสับสนวุ่นวาย รวมถึงฝ่ายมาร – ฝ่ายมืดทั้งหลาย
ที่ต้องการนำพลังด้านลบเหล่านี้ไปใช้ในการดำรงชีวิตของพวกมัน

แต่ว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันก็ต้องขอให้คุณเข้าใจไว้ด้วยว่า

- ฉันไม่ได้กำลังบอกว่า ไม่ควรมีอารมณ์ความรู้สึกด้านลบเหล่านั้นนะ เพราะว่ามันเป็นอารมณ์ความรู้สึก
ปกติธรรมดาของมนุษย์โลกอย่างเราๆ
แต่ฉันกำลังบอกว่า พวกเราจำเป็นต้องข้ามผ่านมันไปให้ได้ โดยไม่ไปยึดติดอยู่กับมัน

- หากคุณยังจำได้ ที่ฉันได้เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้แล้วว่า “เจ-ร็อด” (J-Rod) ได้เน้นย้ำกับ
ดร.ดาน บูริชช์ (Dan Burisch) ถึงความสำคัญของการไม่แบ่งแยก หรือแตกออกเป็นกลุ่มๆ
ในระหว่างการเปลี่ยนระดับในปี 2012

บางที คุณอาจจะได้เห็นสิ่งบ่งชี้ของการแบ่งแยก ที่กำลังจะมาถึงนี้แล้ว ระหว่างพลังฝ่ายมืด กับพลังฝ่ายสว่าง

ฉันคิดว่าสิ่งที่พวกเรากำลังเห็นอยู่จริงในขณะนี้ ก็คือ การต่อสู้แย่งชิงกันของจิตวิญญาณทั้ง 2 ฝ่ายนี้
(อ่านเพิ่มเติมใน “การทำเพื่อตนเอง และการทำเพื่อคนอื่น”(Service to Self and Service to Other)

เส้นทางของ “การทำเพื่อตนเอง” นั้น เมื่อเร็วๆนี้ ถูกเปิดให้เฉพาะมนุษย์โลกเท่านั้น
บางทีอาจจะเป็นช่วงสมัยของยุคแอตแลนติส



เหล่าสาวกของมันที่รู้จักกันในนามของ “บุตรแห่งความมืด” (Sons of Darkness)
ผู้ที่อยู่บนเส้นทางนี้ จะเป็นคนเห็นแก่ตัว มากกว่า 51% ของเวลาทั้งหมด

และผู้ที่อยู่บนเส้นทางนี้อย่างชนิดที่กู่ไม่กลับแล้ว ได้พยายามที่จะหาวิธีการครองโลกมานานแล้ว
บางคนก็พยามยามที่จะทำลายโลก หากไม่สามารถครอบครองโลกได้

ส่วนเหล่าบริวารของเส้นทาง “การทำเพื่อผู้อื่น” จะฝึกฝนบนหลักการของ “กฎแห่งความเป็นหนึ่ง”
(Law of One)

ซึ่งผู้ที่อยู่บนเส้นทางนี้ จะทำเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของส่วนรวม หรือ
ของผู้อื่นมากกว่า 51% ของเวลาทั้งหมด

หลายคนที่เกิดมาบนเส้นทางนี้ ตอนนี้กำลังพร้อมที่จะเปลี่ยนจากมิติที่ 3 ที่กำลังอยู่ ในปัจจุบัน
ไปสู่มิติถัดไปคือมิติที่ 4 แล้ว

เด็กๆหลายคนที่กำลังจะเกิดมาในยุคนี้ เป็นผู้ที่อยู่บนเส้นทางสายนี้ 100%
และกำลังช่วยโลกเพิ่มระดับความถี่ของการสั่นสะเทือนขึ้น เพื่อการเปลี่ยนระดับในครั้งนี้

เมื่อใดก็ตามที่เราไปตัดสินผู้อื่น และทำให้เขารู้สึกเลวร้าย นั่นคือเรากำลังทำให้ระดับคลื่นความถี่
ของการสั่นสะเทือนของเราลดต่ำลง และเป็นการเพิ่มพลังงานไปให้ผู้ที่อยู่บนเส้นทางของ “การทำเพื่อตัวเอง”

อารมณ์ความรู้สึกในด้านบวกทั้งหลาย เช่น ความประทับใจ, ความเมตตากรุณา, ความเข้าใจกัน,
การให้อภัย, ความใจดี, ความเบิกบาน, ความปิติยินดี, ความสุข และความตื่นเต้น เหล่านี้
จะสร้างพลังงานที่จะไปเพิ่มพลังให้แก่พลังแห่งแสงสว่าง

การทำเพื่อสนองความต้องการของผู้อื่น โดยปราศจากความต้องการผลตอบแทน
คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะเพิ่มระดับความถี่ของเรา

ความท้าทายมันอยู่ตรงที่ การสมดุลระหว่างการทำเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของตนเอง
ในด้านปัจจัยดำรงชีวิตพื้นฐาน กับการทำเพื่อผู้อื่น หรือทำเพื่อส่วนรวมในขณะเดียวกันไปด้วย
เพื่อไม่ให้คุณต้องกลายเป็นคนที่ไม่มีจะกินไปเสียเอง

เมื่อคุณสามารถควบคุมความสมดุลระหว่างสองด้านนี้ได้แล้ว สมองของคุณ ก็จะเปลี่ยนระดับ
วิธีการคิดจากคิดแบบ “ทวิภาค” (Duality – มีทั้งดีและชั่วในคนๆเดียวกัน - chayutt)
และคิดแบบ “ทั้งหมด / ไม่เลย” (all / Nothing) ไปเป็นแบบ “ทั้ง / และ” (Both / And)
ซึ่งนี่จะเป็นการเปลี่ยนระดับของจิตสำนึก และแนวความคิดไปอย่างเห็นได้ชัด
และเป็นการเปิดจิตวิญญาณออกไปสู่ “ความตระหนักรู้หลากมิติ” (Multidimensional awareness)

ทุกยุคทุกสมัยของโลก จะมีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับการต่อสู้กันระหว่างฝ่าย “ทำเพื่อตนเอง”
กับฝ่าย “ทำเพื่อผู้อื่น” เสมอ
ในลักษณะของ “ศึกบนสรวงสวรรค์” เป็นต้น เช่น “สตาร์วอร์ส”(star Wars),
เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ (The Lord of The Rings), เดอะแมตริกซ์ (The Matrix),
และแม้แต่แฮรี่พ็อตเตอร์ (Harry Porter)
การต่อสู้กันระหว่างฝ่าย “ทำเพื่อตนเอง” กับฝ่ายที่ “ทำเพื่อผู้อื่น” จะมาถึงจุดสุดยอดในปี 2012
และดูเหมือนว่าการศึกครั้งนี้ จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าการต่อสู้ในครั้งนี้
สามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากกว่า ในโลกภายนอกตัวเรา ดังนั้นสิ่งที่เราเห็น “ที่นั่น”
คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างหนึ่ง ถึงการต่อสู้กันระหว่างพลังฝ่ายมืด กับพลังฝ่ายสว่าง
ภายในตัวเรา อย่างแท้จริง

ความท้าทายของพวกเรา ก็คือการโอบกอดเอาความมืดภายในตัวเรา และผู้อื่น ด้วยเครื่องมือง่ายๆเหล่านี้
เพื่อที่จะทำให้หัวใจของคุณเปิดอยู่เสมอ แม้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ตาม