วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เรื่อง: การเนรมิต: ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ และสนามพลังคริสตัลไลน์ ตอนที่ 2


ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)เรื่อง: การเนรมิต: ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ และสนามพลังคริสตัลไลน์
(Manifestation: Impeccability & The Crystaline Field)


วันที่: 15 มิถุนายน 2008

ผู้รับสาส์น: นาย Tyberonn
ที่มา:Manifestation : Impeccability & The Crystalline Field > Earth Keeper

ตอนที่ 2:
จงฉกฉวยวันเวลานี้ไว้ (Seize the Day)
มันมีคำพูดหนึ่งในยุคของพวกคุณที่ว่า "Carpe Diem" ซึ่งแปลว่า “ฉกฉวยวันเวลา” (Seize the Day)
และมันก็เป็นคำพูดที่เหมาะสมดี เพราะว่าพวกคุณจะต้องฉกฉวยทุกช่วงขณะเอาไว้!

แต่ก็ยังมีพวกคุณเป็นจำนวนมาก ที่แม้ว่าจะมีเจตนาดีก็ตาม แต่ก็ปล่อยให้ตัวเอง
ถูกกล่อมให้หลับไหลจมอยู่แต่ในความพึงพอใจของระยะใดระยะหนึ่ง หรือในสภาวะใดสภาวะหนึ่ง
ของเส้นทางชีวิต ที่พวกคุณได้เลือกมาแล้ว

ส่วนพวกคุณหลายคนก็สูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
หรือใช้เวลาไม่คุ้มค่า และสิ้นเปลืองภพชาติ ภพชาติแล้วภพชาติเล่า ไปโดยเปล่าประโยชน์


พวกคุณบางคน ก็พูดและรู้สึกว่า

“ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นระเบียบอย่างสมบูรณ์แบบดีอยู่แล้ว”

แต่ว่า..ท่านคุรุทั้งหลาย..ตรงนั้นมันยังมีข้อขัดแย้งอยู่นะ ซึ่งก็เหมือนกับหน้าไพ่
ที่ไม่ว่าพวกคุณจะมองจากด้านบนหรือด้านล่างของมัน มันก็จะมีด้านที่กลับหัวอยู่เสมอนั่นแหละ

พวกคุณเข้าใจไหม?

คือจากมุมมองของมิติที่สูงกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นระเบียบอย่างสมบูรณ์แบบดีอยู่แล้ว
แต่จากมุมมองของมนุษย์โลกที่อยู่ในทวิภาวะนี้ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย!

เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นได้ มันก็ไม่ต้องมีบทเรียนอะไรแล้วหนะสิ
มันก็ไม่ต้องมีสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “การเวียนว่ายตายเกิด” แล้วหนะสิ

เพราะฉะนั้น สิ่งจำเป็นก็คือ มนุษย์แต่ละคน จะต้องมองให้เห็น และดูให้รู้ว่า
สภาพความทุกข์ในแบบของมนุษย์ที่เป็นอยู่บนโลกใบนี้ มันยิ่งกว่าความสมบูรณ์แบบซะอีก
แน่นอนว่ามันจะไม่เป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น จนกว่าพวกคุณจะทำให้มันเป็นซะก่อน!


แต่อย่างไรก็ตาม มนุษย์โลกส่วนใหญ่ ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงจิตสำนึก (Consciousness) ของตัวเองได้มากพอ
ดังนั้นพวกเขาจึงถูกขับเคลื่อนด้วยจิตไร้สำนึก (Unconsciousness)
ซึ่งนำไปสู่การเนรมิตเอาความกลัวทั้งหลาย และฝันร้ายต่างๆของตัวเอง
ออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของพวกเขาเอง

พวกเราเคยบอกพวกคุณไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า ตอนนี้บนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ
มีระดับความเข้มข้นของแสงสว่างมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว
มากซะยิ่งกว่าในสมัยยุคทองของอาณาจักรแอตแลนติสซะอีก

ซึ่งในแง่ของควอนตั้มบริสุทธิ์แล้ว อาจกล่าวได้ว่า
ตอนนี้มีจำนวนมนุษย์โลกที่มีระดับความเข้มข้นของแสงสว่างมากพอ
เพียงพอที่จะทำให้กระบวนการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) เกิดขึ้นได้แล้ว


เพราะว่าตอนนี้มีมนุษย์โลกประมาณ 10% แล้ว
ที่มีระดับความเข้มข้นของแสงสว่าง สูงกว่าระดับต่ำสุด
ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนรูปแบบนี้แล้ว


แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระดับความเข้มข้นของแสงสว่างในสมัยยุคทองของแอตแลนติส
ในแง่ของตัวเลขโดยรวม จะน้อยกว่าของโลกในขณะนี้ก็ตาม แต่ถ้าเทียบกันระหว่างชาวโลกตัวต่อตัวแล้ว
ในสมันนั้น มนุษย์จะมีระดับความเข้มข้นของแสงสว่างมากกว่าในสมัยนี้มาก

และอันที่จริงแล้ว ในสมัยนั้น แม้ว่าจะเคยมีครูบาอาจารย์ผู้มีแสงสว่างอันบริสุทธิ์
จำนวนนับพันๆเกิดขึ้นมาแล้วบนโลกนี้ ในฐานะผู้เก็บรักษาพลังงานของยุคทองนั้นก็ตาม
แต่ปริมาณสูงสุดของแสงสว่างและระดับความถี่ของยุคนั้นก็ยังน้อยกว่าของยุคนี้มาก

ดังนั้น มันจึงเป็นภาระหน้าที่ของพวกคุณ ผู้ที่กำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเลื่อนระดับขึ้นทั้งหลาย
ที่จะต้องพยายามเพิ่มแสงสว่างในตัวเองให้มากขึ้น และกลายเป็นแสงสว่างนำทางที่ยิ่งใหญ่ขึ้นให้จงได้

สิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “การเลื่อนระดับขึ้น” (Ascension) ที่พวกคุณป่าวประกาศกันไปว่า
มันจะเกิดขึ้นในปี 2012 นั้น นั่นมันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง ไม่ใช่จุดที่จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
ของภาพรวมแต่อย่างใดเลย มันจะเป็นแค่จุดแห่งการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ของยุคมืดเท่านั้น
และมันจะเป็นจุดเริ่มต้น ของช่วงเวลาแห่งการเข้าถึงมิติที่สูงกว่าได้มากขึ้น

แน่นอนว่าโลกของพวกคุณจะไม่สิ้นสุดลงในปลายปี 2012!

จริงๆแล้วก็สำหรับมนุษย์โลกส่วนใหญ่นั่นแหละ ที่จะรู้สึกว่าวันที่ 21 ธันวาคม 2012
มันก็เป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้นเอง และหลายๆคนก็จะสงสัยว่าความสับสนวุ่นวาย
และการออกมาประโคมข่าวจนเกินความเป็นจริงเหล่านั้น มันมาจากไหนกัน

ในขณะที่จะมีพวกคุณบางคุณ ที่จะสามารถรู้สึกได้ และใช้ประโยชน์
จากความสามารถในการเข้าถึงมิติที่สูงกว่าได้ ก็จะดำรงชีวิตอยู่ในมิติที่ 5
แต่ผู้คนส่วนใหญ่ ก็ยังจะเลือกที่จะอยู่ในมิติที่ 3 นี้ต่อไป


แน่นอนว่ามันเป็นอภิสิทธิ์ของพวกเขา และโลกที่อยู่ภายในความเป็นทวิภาวะนี้
มันก็จะเป็นอย่างที่มันเป็นอยู่นี่แหละ แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม