วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

หลัง มีข่าวคราว พบรอยเลื่อนแขนงพาดผ่านทิศใต้ ของกรุงเทพมหานคร ทำให้กรมทรัพยากรธรณีคงจะอยู่เฉยไม่ได้

สราวุธ ยืนยง


หลัง มีข่าวคราว พบรอยเลื่อนแขนงพาดผ่านทิศใต้ ของกรุงเทพมหานคร อ้อมมาทาง จ.สมุทรปราการ และเลยลึกไปถึง จ.ชลบุรี อีกแขนงหนึ่งไปทางองครักษ์ และ ท่าจีน ทำให้กรมทรัพยากรธรณีคงจะอยู่เฉยไม่ได้

นาย อภิชัย ชวเจริญพันธ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาให้ความเห็นเกี่ยวกับรอย เลื่อนที่พบใหม่นี้ น่าสนใจทีเดียว งบประมาณก็ไม่มาก แต่งานนี้ไม่เร่งศึกษาไม่ได้เสียแล้ว เพราะไม่มีใครให้คำ ตอบได้ด้วยว่า ยักษ์ใหญ่ที่หลับใหลจะพลิกตัว หรือ ขยับตัว หรือตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ????

ศ.ดร.ปริญญา นุตาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว กล่าวว่า ข้อมูลรอยเลื่อนใกล้กทม.นี้คณะ กรรม การแผ่นดินไหวแห่งชาติ เคยทำเรื่องเสนอเข้าครม.ไปตั้งแต่ปี 2547 เพราะเห็นว่ายิ่งอยู่ใกล้กับกทม.ก็ควรต้องเร่งทำให้ชัดเจนเท่านั้น เพื่อจะรู้สถานะว่าต้องเฝ้าระวังอย่างไร เหมือนกับรอยเลื่อนมี พลัง 13 รอยที่ต้องศึกษาพฤติกรรมของมัน

รอยเลื่อนเป็นลักษณะของรอยแตกหรือแนวแตกในหิน โดยหินทั้งสองฟากของรอยแตก มีการเคลื่อนที่สัมพันธ์กัน และ ทิศทางการเคลื่อนที่ขนานไปกับระนาบของรอยเลื่อนนั้นๆ รอยเลื่อนเกิด จากกระบวนการที่ทำให้หินแตกและเลื่อน / เคลื่อนไหว เนื่องจากความเค้นในเนื้อหินที่เปลือกโลก การเลื่อนของรอยเลื่อนอาจเป็นไปได้ทุกทิศทางที่เป็นแนวเปราะบาง ระยะทางของการเลื่อนตัวอาจน้อยเป็นเซนติเมตร

พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลตกอยู่ในความเสี่ยงแผ่นดินไหว จาก 3 ปัจจัย ได้แก่
- รอยเลื่อนนอกประเทศ เช่น รอยเลื่อนตะแกงในพม่า จุดที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างกรุงเทพฯ 400 กม.
- รอยเลื่อนในประเทศที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ
- รอยเลื่อนใต้ดินที่เพิ่งพบเมื่อไม่นานมานี้ และยังไม่มีข้อมูลการเคลื่อนตัวที่ชัดเจน ยังไม่สามารถประเมินความเสี่ยงได้

นายวรวุฒิ ตันติวนิช ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี กล่าวถึงผลการขุด ร่องสำรวจบริเวณ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี และ อ.ศรีสวัสดิ์ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี รวม 6 จุด พบว่าใน อดีตเคยเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มาแล้ว ความรุนแรงสูงสุด 7 ริกเตอร์ เมื่อ 7,000 ปีก่อน จนถึง 6.4 ริกเตอร์ เมื่อ 1,000 ปีก่อน แสดงว่ารอยเลื่อนศรีสวัสดิ์และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์เป็นรอย เลื่อนที่มีพลังมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในบริเวณดังกล่าวได้อีกครั้ง แต่ยังต้องศึกษา เพิ่มเติม เช่น หาอัตราความเร็วการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเพื่อศึกษาความถี่การเกิด

" รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์และเจดีย์สามองค์เป็นรอยเลื่อนที่มีขนาดยาว สามารถทำให้เกิดแผ่นดิน ไหวรุนแรงและยังอยู่บริเวณใกล้กรุงเทพฯ และจุดที่เป็นชุมชน รวมถึงมีเขื่อนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งหากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงอาจเกิดความเสีย หายได้มาก "

นายปริญญา พุทธาภิบาล ประธานหลักสูตรธรณีศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มการเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลกจากปีละ 20,000 ครั้ง เป็น 30,000 ครั้ง โดยช่วง 4 เดือนของปีนี้ เกิดขึ้นแล้ว 11,000 ครั้ง หากพิจารณาจากสถิติคาดว่าปีนี้อาจจะเกิดได้อีกนับหมื่น ครั้ง นอกจากนี้ ยังพบว่าก่อนเกิดแผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดสึนามิ ประมาณ 1 ปี มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นแถบภูมิภาคนี้ประมาณ 2 เท่าจากปกติ แต่ประเทศที่มีความเสี่ยง มากกว่าไทย คือ จีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

สำหรับรอยเลื่อนในประเทศไทยที่มีพลังอยู่ มี 13 กลุ่ม ประกอบด้วย

* รอย เลื่อนเจดีย์สามองค์ ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และราชบุรี ซึ่งต่อถึงรอยเลื่อนสะแกง ในพม่า ความยาวของรอยเลื่อนช่วงที่อยู่ในประเทศไทยยาวกว่า 250 กิโลเมตร มีรายงานแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนนี้มากมายหลายพันครั้ง

* รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ครอบคลุม จ.กาญจนบุรีและอุทัยธานี รอยเลื่อนนี้อยู่ทางด้านตะวันตก ของรอยเลื่อนเมย-อุทัยธานี มีความยาวทั้งหมดกว่า 500 กิโลเมตร ในช่วงระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมามีรายงานแผ่นดินไหวขนาดเล็กหลายร้อยครั้ง ซึ่งครั้งใหญ่สุดวัดได้ วันที่ 22 เมษายน 2526 มีขนาด 5.9 ริคเตอร์

* รอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง ครอบคลุม จ.เชียงรายและเชียงใหม่
* รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน ครอบคลุม จ.แม่ฮ่องสอนและตาก
* รอยเลื่อนเมย ครอบคลุม จ.ตากและกำแพงเพชร
* รอยเลื่อนแม่ทา ครอบคลุม จ.เชียงใหม่ ลำพูนและเชียงราย
* รอยเลื่อนเถิน ครอบคลุม จ.ลำปางและแพร่
* รอยเลื่อนพะเยา ครอบคลุม จ.ลำปาง เชียงรายและพะเยา
* รอยเลื่อนปัว ครอบคลุม จ.น่าน
* รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ ครอบคลุม จ.อุตรดิตถ์
* รอยเลื่อนท่าแขก ครอบคลุม จ.หนองคายและนครพนม
* รอยเลื่อนระนอง ครอบคลุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนองและพังงา
* รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ครอบคลุม จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา

สำหรับ รอยเลื่อนที่พบใหม่ซึ่งพาดผ่านทิศใต้ของ กทม. จะเป็นกิ่ง ก้าน สาขา หรือรอยเลื่อนใหม่ เรา คงได้แต่ติดตามข้อมูล เพื่อ การตั้งรับอย่างมีสติ

รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหวและธรณีแปรสัณฐาน ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากหลักฐานชี้ชัดว่า ในอดีตเมื่อ 22,000 ปีก่อน บริเวณรอย เลื่อนเจดีย์สามองค์ เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ริกเตอร์มาแล้ว และในปี 2526 ก็เกิดระดับ 5 ริคเตอร์ ในอนาคตจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดค่าอุบัติซ้ำได้ ซึ่งตนต้องการให้เกิดความตระหนัก และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไปสานต่อและเตรียมรับมือ กับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแผ่นดินไหว สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือ AIT กล่าวว่า ประเด็นที่ กฟผ.ยืนยันว่า เมื่อปี 2526 บริเวณทิศเหนือของเขื่อนศรีนครินทร์ เคยเกิดแผ่นดินไหวแล้ว มีความรุนแรงถึง 5.9 ริกเตอร์ ในระยะ 55 กิโลเมตรจากตัวเขื่อน แต่เขื่อนก็ยังไม่แตก แสดงว่าเขื่อนแข็งแรง เพราะเขื่อนนี้สร้างขึ้นมารับแรงไหวของแผ่นดินได้ถึง 7.5 ริกเตอร์ นั้น เป็นการสรุปแบบไม่เข้าใจ เพราะเป็นการสั่นสะเทือนที่วัดคนละหน่วยกันที่ ถูกต้อง คือ เขื่อนนี้รับความรุนแรงการไหวของแผ่นดินที่ 7.5 ริกเตอร์ หรือ ประมาณ 10 ้ของค่าความเร่งในแนวดิ่งของโลก หรือค่า g ในขณะที่ การไหวของแผ่นดินในปี 2526 ที่มีขนาด 5.9 ริกเตอร์ ที่ระยะ 55 กิโลเมตรนั้น ความรุนแรงไม่ถึง 5 ของ ของค่า g เขื่อนจึงไม่สั่นสะเทือน
และ ไม่เป็นอันตราย ถ้าเขื่อนศรี นครินทร์แตก

นายธำรง ธวัชชัยประชา อดีตวิศวกรโยธา กฟผ.ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มวิศวกรที่ ปรึกษาที่ดูแลรักษาเขื่อนศรีนครินทร์มาตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ยอมรับว่า ในการสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ มั่นใจระบบการก่อสร้าง และไม่เคยยอมฟังคำทัดทานของใคร กระทั่งเขื่อนสร้างเสร็จระยะหนึ่ง กฟผ.ให้บริษัทที่ปรึกษาจากสหรัฐอเมริกา สวีเดน และแคนาดา ตรวจประเมินเขื่อนจากข้อมูลเรื่องการเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งบริษัทที่ ปรึกษาทั้ง 3 แห่งสรุปผลออกมาเหมือนกันว่า จ.กาญจนบุรีอาจเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขนาด 7.5-8.0 ริกเตอร์ นั่นคือ มากกว่าที่ กฟผ.ออกแบบเขื่อนไว้ 500-4,000 เท่า และทั้งหมด แนะนำให้ กฟผ.เพิ่มมาตรการเสริมความแข็งแรงของเขื่อนและการที่ กฟผ.บอกกับสาธารณะว่า เขื่อนรับแรงไหวของแผ่นดินได้ 7.5 ริกเตอร์นั้น ก็ไม่เป็นจริง เพราะความจริงคือ ตัวเลข 7.5 ริกเตอร์ ที่เขื่อนจะรองรับความเสียหายได้ จุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว จะต้องห่างจากตัวเขื่อนมากกว่า 250 กิโลเมตร แต่จากข้อมูลใหม่และความรู้ในปัจจุบัน พบว่า แนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่มีพลังนั้น อยู่บริเวณเดียวกับที่เขื่อนสร้างอยู่นั่นเอง

บริษัทที่ปรึกษา เหล่านั้น ยังระบุอีกว่า หากเขื่อนศรีนครินทร์แตกแล้ว โอกาสที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมเป็น บริเวณกว้าง ครอบคลุม 13 จังหวัด 65 อำเภอ เป็นพื้นที่ถึง 7,500 ตารางกิโลเมตร หรือราว 4,700,000 ไร่ พื้นที่ ที่จะได้รับผลกระทบหนักสุด คือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งน้ำจะไหลเข้าสู่เมืองภายใน 5 ชั่วโมง ไหลถึง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ภายในเวลา 11 ชั่วโมง



สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น น้ำจะไหลมาถึงเขต บางกอกน้อย ตลิ่งชัน ธนบุรี ภาษีเจริญ จอมทอง ราษฎรบูรณะ และบางขุนเทียน ภายใน 35 ชั่วโมง

ทิ้งท้ายดูเหมือนน่ากลัว หากแต่เป็นข้อมูล ที่ กฟผ.เองบอกว่า ต้องรับฟัง และนำกลับไปทบทวน เพื่อเพิ่มเติมในส่วนของการป้องกัน และเสริมความแข็งแรงของเขื่อน แต่ส่วนหนึ่ง ที่ส่วนตัว Vickie เอง อยากให้ตระหนัก คือ การให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับทุกฝ่าย รวมถึงประชาชน ทั้งที่จะได้รับผลกระทบหรือไม่ได้รับก็ตาม เพื่อเราจะได้ตั้งรับอย่างมีสติ




@นักแผ่นดินไหว คอหงส์ ในฐานะเป็นนักแผ่นดินไหวก็อยากจะอธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับแผ่นดินไหวที่เกิดจากการกักเก็บน้ำในเขื่อนเพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการพิจารณาเบื้องต้นสั้นๆ สักนิด

แผ่นดินไหวที่เกิดจากการกักเก็บน้ำในเขื่อนจะเกิดหลังจากที่เขื่อนเริ่มมีการกักเก็บน้ำ ระดับความสูงและปริมาณของน้ำจะเป็นปัจจัยที่จะเกิดแผ่นดินไหวมากหรือน้อย สาเหตุเนื่องจากน้ำได้แทรกซึมเข้าไปในหินหรือตามแนวรอยเลื่อน ทำให้หินหรือรอยเลื่อนที่อยู่ใต้น้ำในเขื่อนมีแรงเสียดทานน้อยลงเหมือนการใช้น้ำมันหล่อลื่นในเครื่องยนต์นั่นแหละ เป็นผลทำให้เปลือกโลกหรือรอยเลื่อนซึ่งรับน้ำหนักมหาศาลของน้ำในเขื่อนแตกหักและเคลื่อนตัว ซึ่งก็เป็นการเกิดแผ่นดินไหวนั่นเอง

สำหรับเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งตั้งอยู่บนรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ได้เกิดแผ่นดินไหวหลังจากเขื่อนเก็บน้ำได้ถึงระดับความสูงประมาณ 172 เมตร

เมื่อ 24 เมษายน 2526 ขนาด M = 6.0 และมีขบวนของแผ่นดินไหวตามหลังเป็นร้อยครั้งเป็นระยะเวลานานเป็นปี

และหลังจากนั้นแผ่นดินไหวก็เกิดในบริเวณเขื่อนอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2536 มีขนาดราวๆ M = 3 ในปี 2537

อัตราการเกิดแผ่นดินไหวก็ลดลงเหลือเดือนละไม่กี่ครั้ง ถ้าอธิบายแบบง่ายๆก็หมายถึงเปลือกโลกในบริเวณนั้นได้ปรับเข้าสู่สภาพไปสู่สถานะที่เริ่มนิ่ง อย่างไรก็ตามแผ่นดินไหวก็ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องเพราะได้รับแรงกระทำเนื่องจากน้ำอยู่ตลอดเวลา แต่เนื่องจากเปลือกโลกบริเวณนั้นได้สูญเสียความแข็งแรงไป ไม่สามารถสะสมพลังงานได้มากจึงเกิดแผ่นดินไหวที่มีขนาดเล็ก-ปานกลางเท่านั้น แล้วจะมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7 ได้หรือไม่ จากเหตุผลทางฟิสิกส์ที่ได้กล่าวข้างต้น

คำตอบก็คือน้อยมาก หากจะเกิดก็ในบริเวณรอยเลื่อนที่ไม่ได้อยู่ใต้น้ำในเขื่อน ซึ่งอยู่ห่างจากสันเขื่อนมาก แรงสั่นสะเทือนไม่สามารถที่จะทำอันตรายเขื่อนได้เลย เนื่องจากความเร่งพื้นดินที่เกิดจากแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวจะลดลงอย่างรวดเร็วตามระยะทาง อย่างเช่นเหตุการณ์แผ่นดินไหว M = 6.0 ซึ่งมีระยะห่างจากสันเขื่อน 58 กิโลเมตรวัดแรงสั่นสะเทือนถึงตัวเขื่อนเพียง 0.05g (ซึ่งเท่ากับค่าที่ได้จากการคำนวณ g ค่าความเร่งของโลก 1 g = 9.81 m/s2) ซึ่งปกติการออกแบบเขื่อนต้องให้สามารถต้านแรงสั่นสะเทือนได้อย่างน้อย 0.1g ซึ่งจะเท่ากับค่าความเร่งของแผ่นดินไหวขนาด M=7 ที่ระยะห่าง 50 กิโลเมตรพอดีและเท่ากับ 0.07g ที่ระยะ 60 กิโลเมตร
ดังนั้นถ้าเกิดแผ่นดินไหวขนาด M=7.5 เท่ากับค่าขนาดประมาณจากการขุดร่องสำรวจที่ศึกษาโดยนักวิจัยก็จะมีความเร่งพื้นผิวเพียง 0.15g เท่านั้น ซึ่งจากการศึกษาของทีมวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์พบว่าถ้าใต้ฐานเขื่อนได้รับแรงสั่นสะเทือน 0.15 g มีระยะทรุดตัวสูงสุดเพียง 29 เซนติเมตร ซึ่งก็จะไม่เกิดพิบัติภัยร้ายแรงแต่อย่างใด
สำหรับการศึกษาทางธรณีว่าเคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.7 มาแล้วก็ต้องมาพิจารณาว่าขุดร่องสำรวจที่ใด บนบกหรือใต้น้ำ เพราะรอยเลื่อนยาวเป็นร้อยๆกิโล และในแต่ละช่วงของรอยเลื่อนก็มีความแข็งแรงไม่เท่ากันดังนั้นหากขุดที่จุดใด ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งรอยเลือ่นจะมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวขนาดเท่านั้น เพราะหลังจากเก็บน้ำมา 30 กว่าปีความสามารถในการสะสมพลังงานของรอยเลื่อนในเขื่อนลดลงดังที่กล่าวข้างต้น ทำให้แผ่นดินไหวที่เกิดในบริเวณเหนือเขื่อนจึงมีขนาดเล็ก-ปานกลาง ครับ