วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2555

ภูเขาไฟในประเทศไทย

ภูเขาไฟในประเทศไทย มีที่ไหนบ้าง และมีลักษณะเป็นอย่างไร



สำหรับประเทศไทย พบว่า ภูเขาไฟส่วนใหญ่มักเกิดบริเวณตอนบนของประเทศ มีลักษณะการกระจายตัวและตำแหน่งที่ไม่แน่นอน ส่วนทางด้านภาคใต้ของประเทศมักไม่ค่อยพบ สันนิษฐานว่าเป็นภูเขาไฟเมื่อประมาณ 2 - 4 ล้านปีที่แล้ว จากรายงานทางธรณีวิทยาและแผนที่ทางธรณีวิทยาประเทศไทย พบบริเวณที่เป็นหินภูเขาไฟ หรือหินบะซอลต์ ซึ่งเป็นหินที่เกิดจากภูเขาไฟ อยู่ 5 บริเวณ ได้แก่

บริเวณที่ 1 ทางภาคเหนือ ได้แก่ อำเภอแม่ทา อำเภอสบปราบ และอำเภอเมืองลำปาง ทางด้านทิศตะวันตกของจังหวัดแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก และสุโขทัย เป็นหินบะซอลต์ ไรโอไลต์ แอนดีไซต์ และแอกโกเมอเรต (ศิลาแลง)

บริเวณที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบมากทางตอนใต้ของภาค บริเวณเขากระโดง เขาพนมรุ้ง และภูอังคาร จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ และทางทิศใต้ของจังหวัดศรีสะเกษ

บริเวณที่ 3 ที่ราบสูงภาคกลาง พบที่จังหวัดสระบุรี โคกสำโรง หล่มเก่า ท่าลี่ และทางด้านทิศตะวันตกของภูกระดึง จังหวัดเลย อำเภอเดิมบางนางบวช อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

บริเวณที่ 4 ภาคตะวันตก พบที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี

บริเวณที่ 5 ภาคตะวันออก พบที่บ้านบ่อไร่ จังหวัดตราด บ้านบ่อพลอย จังหวัดจันทบุรี

โดยภูเขาไฟที่พบในประเทศไทยทั้งหมดเป็นภูเขาไฟที่สิ้น พลังแล้วทั้งสิ้น จากการสำรวจพบว่าเป็นภูเขาไฟที่มีอายุอย่างน้อยที่สุดประมาณ 7 แสนปีที่แล้ว ส่วนใหญ่มีสัณฐานแบบรูปโล่ (Shield Volcanoes) คือสัณฐานไม่สูงมากนักมีความลาดเอียงไม่เกิน 10 องศา ส่วนความเอียงที่ฐานไม่เกิน 2 องศา เนื่องจากการไหลแทรกตัวของลาวาตามรอยแตกของหินเปลือกโลก กลายเป็นหินบะซอลต์ และมีแร่รัตนชาติอยู่มาก เช่น ทับทิม บุษราคัม และเขียวส่อง เป็นต้น อย่างไรก็ตามการระเบิดของภูเขาไฟนอกจากจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและ ทรัพย์สินแล้ว ยังเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติอื่น ๆ เช่น คลื่นซึนามิ (Tsunamis) ขณะเกิดภูเขาไฟระเบิด โดยเฉพาะภูเขาไฟใต้ท้องมหาสมุทร ทำให้เกิดคลื่นสูงขนาดตึก 3 ชั้น กวาดสิ่งต่างๆ ลงสู่ทะเล นอกจากนั้นภายหลังการเกิดภูเขาไฟระเบิดฝุ่นเถ้าภูเขาไฟไปตกทับถมอยู่ใกล้ ภูเขาไฟ ทำให้เมื่อมีฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมและโคลนถล่มตามา ดังที่เกิดกับภูเขาไฟที่ระเบิดในประเทศฟิลิปปินส์ ชื่อ ภูเขาไฟพินาตูโบ เป็นต้น ในด้านประโยชน์ของภูเขาไฟระเบิดเราพบว่าการระเบิดของภูเขาไฟเป็นการปลดปล่อย พลังงานภายใต้เปลือกโลก ทำให้เกิดสภาวะสมดุล ตลอดจนแหล่งที่มีภูเขาไฟระเบิด และมีธารลาวาไหลออกมาขณะที่ไหลผ่านหินอัคนีและหินชั้นเดิมจะทำให้เกิดกระบวน การแปรสภาพของหินกลายเป็นหินแปร ซึ่งเป็นแหล่งแร่ที่สำคัญ เช่น เพชร รัตตนชาติ เป็นต้น นอกจากนั้นแหล่งภูเขาจะเป็นบริเวณที่ดินมีคุณภาพดี เช่น บริเวณอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เป็นต้น และฝุ่นเถ้าภูเขาไฟที่ระเบิดออกมาและฟุ้งกระจายลอยในในบรรยากาศชั้นสตราโต สเฟียร์ ยังทำให้บรรยากาศของโลกเย็นลง เป็นการช่วยปรับระดับอุณหภูมิของโลกด้วย


ที่มา Physical Geography








"มหันตภัยธรรมชาติ"น่ากลัวอันดับหนึ่งคือ"ภูเขาไฟ" เพลิงพิโรธร้อนแรงที่ระเบิดออกมาแห่งความหายนะซึ่งเฝ้ารอเวลา ที่สุดแห่ง"ภัยพิบัติ" ความ"โหดร้าย"ที่ทรงพลังสุดยอด ซึ่งเป็นภัยคุกคามโลก มันก่อตัวขึ้นจากการปะทุรุนแรงใต้พื้นพิภพ และการพุพอง ของเปลือกโลก ลาวาเหลวร้อนแดงไหลด้วยความเร็ว ขณะที่เมฆหมอกฝุ่นควันพิษกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า อุณหภูมิสูง ลาวาเดือดผุด จะทำทุกสิ่งให้ย่อยยับ ภูเขาไฟนั้น สามารถที่จะทำให้เกิดความหายนะอื่น ๆ ตามที่ด้วย เช่น เกิดแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์ด้วยถ้าเกิดในทะเล รวมทั้งไฟป่าด้วย นี่ยังมีภูเขาไฟที่ยังระเบิดไม่หมดอีกมากมาย มันคือหายนะทำลายล้างโลกอย่างแท้จริง
แม้แต่ประเทศไทยที่นายวรวุฒิ ตันติวนิช ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี และนักวิทยาศาสตร์หลายคน ค้นพบภูเขาไฟ และมีการคาดการณ์ถึงในอนาคต เพื่อเตรียมตัวรับ"หายนะ"...!!!

"วรวุฒิ" ให้ความเห็นว่า หลายคนมองว่าการเกิดภูเขาไฟเป็นสิ่งที่ไกลตัวเอง แต่หากมีการเกิดภูเขาไฟแต่ละครั้งจะสร้างความ"เสียหาย"ให้กับประเทศเป็นอย่างมาก จึงมีการศึกษาการเกิดภูเขาไฟขึ้น เพื่อหาวิธีการรับมือ และวิธีการป้องกันให้ได้มากที่สุด จากการศึกษาของนักธรณีวิทยาพบว่าการเกิดภูเขาไฟเกิดจากหินหนืดที่อยู่ใต้เปลือกโลกถูกแรงดันอัดให้แทรกรอยแตกขึ้นสู่ผิวโลก โดยมีแรงปะทุ หรือแรงระเบิดเกิดขึ้น แต่สิ่งที่พุ่งออกมาจากภูเขา เมื่อภูเขาไฟระเบิดก็คือ หินหนืด ไอน้ำ ฝุ่นละออง เศษหินและแก๊สต่างๆ

โดยจะพุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟเป็นหินหนืดถ้าถูกพุ่งออกมาจากบนพื้นผิวโลกเรียกว่า "ลาวา" แต่ถ้ายังอยู่ใต้ผิวโลกเรียกว่า "แมกมา" ซึ่งบริเวณที่มีโอกาสเกิดภูเขาไฟ แนวรอยต่อระหว่างเพลตจะเป็นบริเวณที่มีโอกาสเกิดภูเขาไฟได้มากที่สุด โดยเฉพาะบริเวณที่มีการมุดตัวของแผ่นเปลือกโลก ใต้พื้นมหาสมุทรลงไปสู่บริเวณใต้เปลือกโลกที่เป็นส่วนของทวีป เพราะเปลือกโลกแผ่นเปลือกโลกที่มุดตัวลงไปจะถูกหลอมกลายเป็นหินหนืด จึงแทรกตัวขึ้นมาบริเวณผิวโลกได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น บริเวณที่อยู่ห่างจากรอยต่อระหว่างเปลือกโลก ก็อาจเกิดภูเขาไฟได้เช่นกัน ซึ่งเกิดขึ้นโดยกระบวนการที่หินหนืดถูกดันขึ้นมาตามรอยแยกในชั้นหิน

"วรวุฒิ" บอกอีกว่า จากการตรวจสอบแผนที่ประเทศไทยพบว่าภูเขาไฟระเบิดหลายจุดในอดีต โดยนักวิทยาศาสตร์จึงได้มีการเก็บหิน และหลักฐานบางอย่างตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานที่เก็บมาพบว่าเคยมีภูเขาไฟระเบิดขึ้นเมื่อประมาณ 7 แสนล้านปีที่ผ่านมา ที่บริเวณ


1.ภูเขาไฟหินพนมรุ้ง สถานที่เขาพนมรุ้ง ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์

2. ภูเขาไฟหินหลุบ จ.บุรีรัมย์

3. ภูเขาไฟอังคาร สถานที่ภูพระอังคาร ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์

4. ภูเขาไฟกระโดง สถานที่เขากระโดง ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

5. ภูเขาไฟไบรบัด จ.บุรีรัมย์

6. ภูเขาไฟคอก จ.บุรีรัมย์

7.ภูเขาไฟดอยผาดอกจำปาแดด จ.ลำปาง และ

8.ภูเขาไฟดอยหินคอกผาฟู จ.ลำปาง


แต่ปัจจุบันภูเขาไฟเหล่านี้ยังคงดับสนิท และไม่พบว่ามีการเคลื่อนตัว หรือจะเกิดระเบิดขึ้นอีก แต่หลายคนสงสัยว่าภูเขาไฟที่ค้นพบในประเทศไทยทำไมถึงไม่มีความสูงเหมือนกับของต่างประเทศ สาเหตุเพราะประเทศไทยเป็นภูเขาไฟแบบโล่ เกิดจากลาวาที่มีความเป็นเบสมีลักษณะเหลว ประกอบกับภูเขาไฟจะมีหลายแบบ คือ

1. ภูเขาไฟแบบกรวยสูง (Steep cone) เกิดจากลาวาที่มีความเป็นกรด หรือ Acid lava cone รูปกรวยคว่ำของภูเขาไฟเกิดจากการทับถมของลาวาที่เป็นกรด เพราะประกอบด้วยธาตุซิลิกอนมากกว่าธาตุอื่นๆ ลาวามีความข้นและเหนียว จึงไหลและเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ แต่จะแข็งตัวเร็ว ทำให้ไหล่เขาชันมาก ภูเขาไฟแบบนี้จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง

2. ภูเขาไฟแบบโล่ (Shield Volcano) เกิดจากลาวาที่มีความเป็นเบส (Basic lava volcano) เพราะประกอบด้วยแร่เหล็ก และแมกนีเซียมลาวามีลักษณะเหลว ไหลได้เร็วและแข็งตัวช้า การระเบิดไม่รุนแรง จะมีเถ้าถ่านและเศษหินก้อนเล็ก และควันพ่นออกมาบริเวณปากปล่อง ซึ่งผลจากการเกิดภูเขาไฟระเบิด หินหนืดหรือลาวาพุ่งขึ้นมาจากการระเบิดของภูเขาไฟ และไหลลงสู่บริเวณที่มีระดับต่ำกว่า สร้างความเสียหายให้แก่มนุษย์ หรือเกิดแผ่นดินไหว เนื่องจากการปรับตัวระหว่างหินหนืด กับชั้นหินบริเวณข้างเคียง

3. ภูเขาไฟแบบกรวยกรวด (Ash and cinder cone)มีลักษณะเป็นกรวยสูงขึ้น ฐานแคบเป็นภูเขาไฟที่มีการระเบิดรุนแรงที่สุด

4. แบบสลับชั้น (Composite cone) เป็นภูเขาที่มีรูปร่างสมมาตร (Symmetry)

กรวยของภูเขาไฟมีหลายชั้น บางชั้นประกอบด้วยลาวา และเถ้าถ่านสลับกันไป ถ้ามีการระเบิดรุนแรงจะมีลาวาไหลออกมาจากด้านข้างของไหล่เขา เป็นภูเขาไฟที่มีปล่องขนาดใหญ่ และมีแอ่งปากปล่อง (Crater) ขนาดใหญ่

"แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าภูเขาไฟที่ค้นพบในประเทศไทยไม่มีการเคลื่อนตัวมาหลายแสนปี แต่โอกาสที่จะเกิดระเบิดก็ยังมีอยู่ถึงแม้ว่าจะมีน้อยก็ตาม เพราะทุกวันโลกมีการเคลื่อนตัวหมุนรอบตัวเองตลอดเวลา ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ภูเขาไฟที่พบตามจุดต่างๆในประเทศไทยอาจจะเกิดเคลื่อนตัวอีกครั้ง และอาจจะเกิดระเบิดขึ้น จึงต้องมีการศึกษา และเตรียมความพร้อมรับมือ" นายวรวุฒิ กล่าว

ด้าน ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า แม้ว่าประเทศไทยจะมีภูเขาไฟที่มีโอกาสน้อยที่จะเกิดระเบิดขึ้น แต่ในปัจจุบันการเกิดภูเขาไฟระเบิดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกนาทีบนผิวโลก แม้แต่ในขณะนี้ยังมีภูเขาไฟเกิดขึ้นอยู่ใต้ท้องทะเลตลอดเวลาและอยู่บริเวณรอบประเทศไทย แต่ประชาชนไม่สามารถที่จะมอบเห็นได้ ซึ่งเป็นการปล่อยพลังงานสู่พื้นโลก แต่เราก็ไม่สามารถที่จะนิ่งนอนใจอะไรได้ หากเกิดภูเขาไฟระเบิดในเขตรอบข้างประเทศไทยจะต้องได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างแน่นอน

จากการที่มีการตรวจสอบในผิวโลกพบว่ามีจุดที่อาจจะเกิดภูเขาไฟอยู่ไม่ต่ำกว่า 100 จุด แต่ที่อยู่รอบประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 50 จุด คือ บริเวณรอบมหาสมุทรฟิลิปปินส์ 45 จุด และที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดบริเวณเกราะอันดามันนิโคบา ซึ่งมีภูเขาไฟที่เรียกว่าไพโรคลาสติก (Pyro Clatic) ในมหาสมุทรอินเดีย ห่างออกจากประเทศไทยประมาณ 200 ไมล์ทะเล และเคยเกิดภูเขาไฟระเบิดเมื่อปี 1997 ที่ผ่านมา หากภูเขาไฟไพโรคลาสติกเกิดระเบิดอีกครั้งจะส่งผลกระทบให้กับประเทศไทย ซึ่งอาจจะเกิดแผ่นดินไหว และจะเกิดเป็นคลื่นทะเลที่สูงมาก จนกระทั้งเป็นคลื่นสึนามิอีกครั้ง พร้อมทั้งจะส่งผลกระทบมลพิษทางอากาศในจังหวัดภาคใต้

การเกิดภูเขาไฟระเบิด และการเกิดแผ่นดินไหว จะมีการเชื่อมโยงกัน เพราะเมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้นสิ่งที่ตามมา คือ ภูเขาไฟระเบิด สาเหตุเกิดจากเปลือกจะแยกออกจากกันเป็นแผ่นทวีป ซึ่งบางพื้นที่มีการเคลื่อนที่ออกจากกัน หากบริเวณที่เปลือกโลกมีการยุบตัวลงจะเป็นจุดที่เกิดแผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิดขึ้นได้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้เปรียบเทียบภูเขาไฟเหมือนกับกาต้นน้ำร้อน หากน้ำเดือดน้ำร้อนจะพุ่งออกจากกาน้ำก็เหมือนกับภูเขาไฟ

ประเทศไทยน่าเป็นห่วง เพราะมีภูเขาไฟล้อมรอบ และอาจจะเกิดแผ่นดินไหวตลอดเวลา จึงมีคำถามว่าเราจะสามารถป้องกันตัวเองได้อย่างไร ซึ่งทางศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ICT) กำลังจะมีการของบประมาณ 100 กว่าล้านบาท เพื่อซื้อทุ่นลอยตรวจสอบคลื่นไว้บริเวณทะเลอันดามัน เพื่อเตือนภัยหากเกิดแผ่นดินไหวจะสามารถเตือนภัยได้ทัน ซึ่งทุ่นลอยที่มีการติดตั้งไปนั้นมีการติดตั้งระหว่างมหาสมุทรอินเดียห่างออกจากประเทศไทยประมาณ 1,000 ไมล์ทะเลถือว่ามีระยะทางที่ไกลออกมาก

แต่อย่างไรก็ตามนั้นเป็นการคาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์ แต่เราจะไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าภัยธรรมชาติเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้คือการศึกษาของภัยธรรมชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือให้ทันเวลา

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=102782
กางแผนที่สำรวจ"ภูเขาไฟ" 8 จุดในไทย...มหัตภัยใต้พิภพ

Cr.Somsweet