วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ลูกหลานชาวแอตแลนติส



จากการที่ชาวแอตแลนติสส่วนใหญ่มุ่งแต่พัฒนาทางวิทยาศาสตร์จนเกินขอบเขตที่จะ สามารถควบคุมวิทยาการที่ตนเองสร้างขึ้นมาได้ จึงมีกระแสต่อต้านการพัฒนาที่เกินขอบเขตนั้น เพราะที่มีอยู่ก็เพียงพอแล้ว ไม่เห็นความจำเป็นในการพัฒนาเหล่านั้น ซึ่งเห็นว่าเป็นไปในทางการสร้างอาวุธขึ้นมาเพื่อป้องกันตนเอง เนื่องจากอาณาจักรมีอาณาเขตกว้างใหญ่ขึ้นและมีอำนาจมากขึ้นทุกทีจึงเกิดการ ระแวงกันและกัน และต้องการที่จะขึ้นเป็นผู้ควบคุม จึงทำให้เกิดความขัดแย้งต่าง ๆ ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้น จนมีการขู่กันว่าจะนำอาวุธที่ผลิตขึ้นได้นั้นมาทำลายกัน เมื่อข่าวแพร่ออกไป ประชาชนบางกลุ่มจึงมีความคิดว่าจำเป็นต้องออกจากแอตแลนติส เพราะเห็นว่าอาณาจักรกำลังไปสู่การล่มสลาย เพราะเริ่มมีการประหัติประหารกันด้วยอาวุธที่ต่างก็ได้ประดิษฐ์ขึ้นมา และมองไม่เห็นหนทางที่จะหยุดการทำลายกันและกันดังกล่าวได้เลย และเล็งเห็นว่าถ้าอยู่ต่อไปก็จะไม่มีใครเหลือรอดได้ จึงจำเป็นต้องรวบรวมผู้คนเท่าที่จะสามารถรวบรวมได้ เดินทางออกจากเมืองหลวงของแอตแลนติส การเดินทางไปสู่ดินแดนที่ปลอดภัยในตอนนั้นก็เพื่อที่จะรวบรวมกำลังผู้คนกลับ มาจัดระเบียบการปกครองบ้านเมืองใหม่ แต่สถานการณ์ไม่ได้เป็นดั่งที่คาดเอาไว้ เพราะการขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น จนมีการนำอาวุธที่มีประสิทธิภาพร้ายแรงสุดมาใช้ ซึ่งนั่นก็คือ การทำลายล้างให้สิ้น และอาณาจักรแอตแลนติสก็ต้องถึงกาลล่มสลาย ซึ่งเป็นเวลา 37,856 ปีมาแล้ว

กลุ่ม คนที่ได้อพยพออกไปแล้วจึงไม่สามารถกลับคืนสู่บ้านเมืองได้และจำเป็นต้องเดิน ทางต่อไปเพื่อหาดินแดนที่สงบสุขและอุดมสมบูรณ์ที่จะดำรงชีวิตกันต่อไป การแสวงหาดินแดนใหม่นี้ต้องมีการแยกกันค้นหา โดยมีผู้นำของแต่ละกลุ่มที่แยกย้ายกันไป ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ตามทิศทั้ง 4 คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก

ทิศ เหนือ นำโดย ผู้นำทางศาสนาท่านหนึ่งชื่อว่า บูซาค (Busak) อายุ 48 ปี กลุ่มนี้มีรวมกัน 76 คนได้เดินทางไปถึงดินแดนที่เรียกว่าเกาะอังกฤษในปัจจุบัน และบางส่วนได้แยกออกไปอยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศกรีซในปัจจุบัน

ทิศ ใต้ นำโดย ผู้เป็นปราชญ์ในราชสำนัก ชื่อว่า มีเซอร์ (Meser) อายุ 52 ปีได้นำกลุ่มคนจำนวน 80 คนเดินทางไปถึงดินแดนที่เรียกว่า แอฟริกาในปัจจุบัน ซึ่งได้ตั้งหลักฐานบ้านเมืองอยู่ที่นั่นเป็นอียิปต์โบราณ

ทิศ ตะวันออก นำโดย ผู้รับอาสาผู้หนึ่งเป็นหญิงอายุ 24 ปี ชื่อว่า ซูกาน (Sukan) นำผู้คนจำนวน 150 คนเดินทางไปถึงดินแดนที่ต่อมาเป็นอียิปต์โบราณและได้พบกับกลุ่มของท่านมี เซอร์ จึงเดินทางต่อไปจนถึงบริเวณที่เป็นอินเดียในปัจจุบัน จัดตั้งระบบการปกครองจนเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว ท่านซูกานจึงนำผู้คนจำนวนหนึ่งประมาณ 60 คน เดินทางต่อไปจนถึงดินแดนที่ต่อมาเรียกว่า สุวรรณภูมิ (โดยขึ้นฝั่งในบริเวณที่เป็นกรุงธนบุรีในปัจจุบัน และเดินทางไปต่อจนถึงบริเวณที่ทุกวันนี้คือ จังหวัดอุดรธานี)

ทิศ ตะวันตก นำโดย ทหารผู้หนึ่งชื่อว่า มีซู (Mesu) อายุ 62 ปีรวบรวมผู้คนได้ 54 คนออกเดินทางไปจนถึงดินแดนที่ปัจจุบันเป็นทวีปอเมริกาทั้งหมด

เหตุผล ที่ผู้นำทั้ง 4 ท่านสามารถรวบรวมผู้คนได้จำนวนไม่มาก ก็เพราะมีเวลาเหลือให้รวบรวมได้เพียงเท่านั้น ถ้าช้าจะไม่มีใครเหลือรอดได้เลย และอาจถูกฝ่ายทำลายล้างจับตัวไว้

กลุ่ม ผู้อพยพที่นำโดยท่านมีเซอร์ (Meser) และได้ตั้งรกรากถิ่นฐานในดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ได้รวมกันอยู่เป็นหมู่บ้านและมีการตั้งผู้นำขึ้นมาซึ่งก็คือ ท่านมีเซอร์ มีการจัดระบบการปกครอง มีการตรากฎหมายและบทลงโทษ แต่ยังไม่เป็นการปกครองในระบบกษัตริย์ เป็นเพียงระบบผู้นำซึ่งเป็นแบบพ่อปกครองลูก และการปกครองโดยท่านมีเซอร์ รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 18 ปี 6 เดือน จนท่านมีอายุได้ 84 ปี และก่อนที่ท่านจะสิ้นชีวิต ได้มีการสถาปนาระบบกษัตริย์ขึ้น โดยท่านมีเซอร์ได้แต่งตั้งพระสงฆ์ผู้หนึ่งชื่อเนบาล่า (Nebalas) ขึ้นเป็นผู้นำทางศาสนา และให้อำนาจในการที่จะเลือกผู้ที่จะเป็นกษัตริย์ปกครองต่อไป ซึ่งมนุษย์ผู้นั้นจะถือว่าได้รับเลือกมาจากพระผู้เป็นเจ้า และได้เรียกตำแหน่งของกษัตริย์นี้ว่า ฟาโรห์ (Pharoah) และหลังจากนั้นท่านมีเซอร์ได้สิ้นชีวิตไป พระสงฆ์ผู้นี้ก็ได้พบบุรุษผู้หนึ่งที่ถือว่าได้รับเลือกให้มาดำรงตำแหน่ง ฟาโรห์จากพระผู้เป็นเจ้า โดยเชื่อว่าต้องมีลักษณะดังนี้คือ

“…สูง 180 เซนติเมตร ผิวขาวมุก ผมสีทองยาวเป็นลอนประบ่า คิ้วหนาสีดำเข้ม จมูกเรียวเป็นสันสวยงาม ริมฝีปากหนาได้รูป…” และจะพบกับบุรุษผู้นี้ได้ที่แถบบริเวณที่ต่อมาเรียกว่าเมืองกีซ่า(Gisa) ซึ่งเขาจะประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์อยู่ ซึ่งมี แพะ แกะ อูฐ ฯลฯ เมื่อพระสงฆ์ได้ไปพบบุรุษผู้นี้แล้ว ก็ได้เชิญมารับการแต่งตั้งเป็นฟาโรห์ และเมื่อได้รับการแต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว พระสงฆ์ได้ถ่ายทอดคำจากพระผู้เป็นเจ้าเพื่อประทานนามใหม่ให้แก่บุรุษผู้นี้ ว่า โอสิริส (Osiris) และฟาโรห์องค์นี้ก็ได้สถาปนาอาณาบริเวณที่ได้ตั้งรกรากถิ่นฐานอย่างมั่นคง แล้วนั้นขึ้นเป็น อาณาจักรอียิปต์ ซึ่งชื่อว่า อียิปต์ นั้นหมายความถึง แผ่นดินของมหาเทพ แถบบริเวณที่ตั้งของเมืองหลวงในยุคแรกนั้นซึ่งมีชื่อเรียกว่า นครอาคาเทีย (Akadia) “ดินแดนดั้งเดิมของผู้รักความสงบ” ส่วนหนึ่งก็คือที่ตั้งของเมืองเมมฟิส (Memphis) ในเวลาต่อมา และฟาโรห์โอสิริสได้ทรงเริ่มให้มีการนับถือเทพเจ้า โดยในยุคนั้นมีเทพเจ้าเพียงพระองค์เดียวคือ เทพเจ้ารา (Ra) และได้กลายเป็นเทพเจ้าสูงสุดในยุคต่อมา

ที่มา กำเนิดของอียิปต์โบราณ