อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ พลังพีระมิด เนื่องจากรูปทรงสามเหลี่ยมพีระมิด มีคุณลักษณะพิเศษ คือไม่มีนิวเคลียสหรือจุดศูนย์กลาง จึงทำให้พลังงานแม่เหล็กโลก (รวมทั้งพลังงานอื่นๆ ในปัจจุบันนี้ เช่นคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นโทรทัศน์ คลื่นไมโครเวฟ ฯลฯ) เมื่อเกิดการกระทบหรือชนกับด้านสามเหลี่ยมด้านใดด้านหนึ่งจะเกิดการสะท้อน พลังงานแม่เหล็กโลกกลับออกไป (รวมทั้งพลังงานอื่นๆ ทุกชนิด) ไม่สามารถทะลุผ่านเข้าไปในสถานที่ก่อสร้างเป็นรูปทรงพีระมิดได้
ด้วย วิทยาการอันนี้ พีระมิดและมหาพีระมิดทั้งหลายของชาวอียิปต์จึงได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเก็บพระ ศพหรือมัมมี่ รวมทั้งทรัพย์สมบัติที่มีค่าทุกชนิดของฟาโรห์ ไว้ได้นานนับเป็นพันๆ ปี โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนต่างดาวที่มีความก้าวหน้าทางพลังจิตสูง คือมนุษย์ดาวอังคาร ในการนำพลังงานตัวที่ 7 คือการเปลี่ยนพลังงานจากวัตถุ เป็นพลังงานแสงและการเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานวัตถุ เพื่อใช้ในการเคลื่อนย้ายแท่งหินใหญ่ที่มีน้ำหนักหลายตัน โดยการเปลี่ยนพลังงานจากแท่งหิน ให้เป็นพลังงานแสงก่อน แล้วจึงนำไปจัดวางในตำแหน่งที่ต้องกาน หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนพลังงานแสงให้กลับเป็นพลังงานวัตถุ คือเปลี่ยนเป็นแท่งหินอีกครั้ง เมื่อมีการจัดวางเรียบร้อยแล้ว
ด้วย หลักการและประโยชน์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น พระอาจารย์รัตน์ รตนญโณ ยังได้ศึกษาค้นคว้า ศึกษาวิธีการเพิ่มเติมและนำพีระมิด ซึ่งเป็นความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์โบราณนำมาประยุกต์เป็นภูมิปัญญาตะวันออก และเสนอเป็นทางเลือก เพื่อสุขภาพแก่สังคมไทย ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย ผู้ที่สนใจศึกษา สามารถช่วยแก้ไขโรคที่รักษาได้ยาก หรือหมดแนวทางรักษา เช่น เอดส์ มะเร็ง ระบบทางเดินลมหายใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต เอ็นทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกอักเสบ เครียด ไมเกรน ฯลฯ โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญในการนำพลังพีระมิดมาใช้ให้เป็นประโยชน์ 2 อย่าง คือ
1. ใช้เป็นอุปกรณ์เสริมช่วยในการฝึกสมาธิ และการฝึกการใช้พลังจิต เพื่อช่วยรักษาโรคและสร้างภูมิต้านทานด้วยตนเอง
2. ใช้เป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยในการหายใจ
อนึ่ง พีระมิดทุกก้อนที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เมตตา อนุญาตให้ลูกศิษย์ ผู้ป่วย ผู้สนใจศึกษา นำไปใช้เป็นอุปกรณ์เสริมนั้น นำมาจาวัตถุธาตุที่มีอำนาจตอบสนอง ธาตุรู้ในใจ หรืออาจจะเรียกว่า “แร่มโนธาตุ” จึงทำให้สามารถช่วยรักษาโรคได้แทบทุกชนิด และไม่สามารถลอกเลียนแบบได้