วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

สาสน์จากชาวมายัน

องค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
เรียบเรียงโดย จีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ
10 ธ.ค. 2553
ชาวมายัน หรือชาวมายา เป็นกลุ่มชนที่สืบเชื้อสายมาจากชาวแอตแลนตีส ซึ่งชาวแอตแลนตีสกลุ่มแรกได้หนีภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 13,000 ปีที่ผ่านมา และได้ตั้งรกรากผสมผสานทั้งทางชาติพันธุ์ และอารยธรรมกับชาวอียิปต์โบราณ การแสวงหาดินแดนใหม่ และการเผยแพร่อารยธรรมแอตแลนตีส จากรุ่นสู่รุ่นได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความรู้สำคัญอย่างหนึ่ง ที่ชาวแอตแลนตีสได้ถ่ายทอดไว้ และรู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันว่าเป็น “ปฏิทินมายัน” ซึ่งเป็นความรู้ที่ชาวแอตแลนตีสตั้งใจสื่อสารผ่านชาวมายันสู่มนุษย์ยุคปัจจุบัน และยุคต่อๆ ไป จะได้รู้ว่าในรอบการโคจรผ่านกาแลคซี่ทั้ง 3 ของระบบสุริยจักวาล ซึ่งใช้เวลานานประมาณ 26,000 ปี หรือเท่ากับหนึ่งวันของจักรวาลนั้น จะมีเหตุการณ์หรือปรากฎการณ์อัดใดเกิดขึ้นกับสุริยจักรวาลบ้าง
สุริยจักรวาลของเรามีระบบการโคจรหมุนรอบกาแลคซี่ถึง 3 กาแลคซี่ด้วยกัน ได้แก่
  1. กาแลคซี่อันโดรเมดา (Andromeda Galaxy) เป็นกาแลคซี่ที่มีขนาดใหญ่มาก แผ่อิทธิพล แรงดึงดูดครอบคลุมอีกทั้งสองกาแลคซี่
  2. กาแลคซี่ทางช้างเผือก (Miky Way Galaxy) ตั้งอยู่ทางทิศตอนเหนือ
  3. กาแลคซี่ไตรแองกุลัม (Triangulum Galaxy) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกมีขนาดเล็กกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือก




ใน 1 รอบของการโคจรผ่านกาแลคซี่ทั้ง 3 ของสุริยจักรวาลใช้เวลานานเท่ากับ 1 วันของจักรวาล หรือประมาณ 26,000 ปี ตามเวลาของโลกนั้น จะเกิดการพุ่งปะทะชนกันระหว่างพลังงานที่มีค่าเป็นลบ หรือแรงลบ กับพลังงานที่มีค่าเป็นบวก หรือแรงบวก ซึ่งมีสาเหตุเนื่องมาจากการที่ระบบสุริยะของเราถูกดึงไปติดขอบกาแลคซี่ทั้ง 3 ถึง 5 ครั้งด้วยกัน ซึ่งการถูกดึงติดขอบแต่ละครั้งจะทำให้พลังงานแรงดึงดูดจากศูนย์กลางหรือเส้นแรงแม่เหล็กเกิดการหมุนย้อยกลับมีค่าเป็นลบ ในขณะที่พลังงานแรงดึงดูด หรือเส้นแรงแม่เหล็กจากศูนย์กลางกาแลคซี่ใหญ่ หรือกาแลคซี่อันโดรเมดา มีค่าเป็นบวกหรือแรงบวก หากเมื่อใดระบบสุริยะโคจรมาอยู่ในแนวกึ่งกลางระหว่างกาแลคซี่ทั้ง 3 และอยู่ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อนั้น จะเกิดการปะทะพุ่งชนอย่างรุนแรง ระหว่างพลังงาน แรงดึงดูดที่มีค่าเป็นบวกของกาแลคซี่อันโดรเมดากับพลังงานแรงดึงดูที่มีค่าเป็นลบของสองกาแลคซี่ คือ กาแลคซี่ทางช้างเผือก กับกาแลคซี่ไตรแองกุลัม ทำให้เกิดประกายไฟสว่างจ้าไปทั่วจักรวาล ดาวฤกษ์ทุกดวงในกาแลคซี่ทั้ง 3 ต่างได้รับแสงสว่างนี้โดยทั่วถึงกัน สุริยจักรวาลได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดการยุบตัวลงของทวีปและเกิดน้ำท่วม ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือจะมีการเปลี่ยนแกนขั้วโลกถึง 2 ครั้ง ใน 1 จักรวาล หรือประมาณ 26,000 ปี คือ การเปลี่ยนจากขั้วทิศเหนือไปยังขั้วทางทิศตะวันออก และเปลี่ยนจากขั้วทิศตะวันออกไปยังขั้วทางทิศเหนือ



 การถอดรหัสรูปภาพจากปฎิทินมายัน ตามลำดับดังนี้
- วงกลมเล็กด้านในซึ่งล้อมรูปคนแลบลิ้น หมายถึง ศูนย์กลางของจักรวาล
- การแลบลิ้น หมายถึง การย้อนกลับและการทำลายของเส้นแรงแม่เหล็กจักรวาล
- ดาว 2 ดวง อยู่ทางซ้าย-ขวา มีลักษณะเหมือนพวงมาลัยห้อยอยู่ หมายถึง ดาวที่ทำหน้าที่ถ่วงดุล ทำให้แถนโลกมีความสมดุลดีขึ้น
- ดาว 2 ดวง อยู่ทางซ้าย-ขวา คอยถ่วดุลทำให้จักรวาลซักซ้ายและขวาเกิกความสมดุล
- แสดงจุดกึ่งกลางใหญ่ซึ่งอยู่ระหว่างดาวถ่วงดุลทั้ง 2 ข้าง
- ลูกศรแหลมบนจุดถ่วงดุลพุ่งไปแตะศูนย์กลางกาแลคซี่ไตรแองกุลัม
- เส้นรอบวงของวงกลมวงที่ 2 หมายถึง วงโคจรของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม
- เส้นรอบวงของวงกลมวงที่ 3 หมายถึง วงโคจรของกาแลคซี่ทางช้างเผือก
- ลูกศรใหญ่ หมายถึง การพุ่งไปแตะกาแลคซี่อันโดรเมดา
- เส้นรอบวงของกาแลคซี่อันโดรเมดา
- หมายถึงการย้อนกลับของเส้นแรงแม่เหล็ก และทำให้เกดการปะทะพุ่งชนของพลังงานเมื่อระบบสุริยะโคจรมาอยู่ในแนวกึ่งกลางระหว่างกาแลคซี่ทางช้างเผือก และกาแลคซี่ไตรแองกุลัม เป็นจำนวน 4 ครั้ง หรือ 4 ยุค
- หมายถึง การย้อนกลับของเส้นแรงแม่เหล็ก และได้พุ่งปะทะชนกับพลังงานจากกาแลคซี่อันโดรเมดาในยุคที่ 5 ทำให้ทวีแอตแลนตีสโผล่ขึ้นมาดังรูปสามเหลี่ยม
- หมายถึงเส้นของขอบทวีปโผล่ขึ้น
- ผลจากแรงดึง 2 ครั้งทำให้ทวีปโผล่ขึ้น
- เป็นรูปเรือเปรียบเทียบให้เห็นว่า การเกิดน้ำท่วมจะดันทวีปให้สูงขึ้น
- จะมีอยู่ 2 ด้านซ้าย – ขวา หมายถึง แรงดึงที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ข้างเป็นผลมาจากการพุ่งปะทะชนกันระหว่างพลังงานบวกของกาแลคซี่อันโดรเมดากับพลังงานลบของกาแลคซี่ทางช้างเผือก
- แรงดึงจากภาพ 19 ทำให้เกิดแรงดันยกแผ่นดินขึ้น
- เส้นโค้งมีอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา แสดงผลของการย้อนกลับของเส้นแรงแม่เหล็ก 5 ครั้ง ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่า เส้นโค้งเส้นที่ 5 เกือบจะกลายเป็นตรงแล้ว หมายความว่าการย้อนกลับของเส้นแรงแม่เหล็กที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้จะมีความรุนแรงมากขึ้น
- ผลจากการถ่วงดุลของดาวตามหมายเลข 3 ซึ่งดาวถ่วงดุลดวงนี้จะโคจรอยู่ในซีกตะวันออก ทำให้ขั้วโลกชี้ไปทางทิศตะวันออกด้วย
- แกนโลกชี้ไปทางทิศตะวันออก
- ผลจากการโคจรย้อนกลับมาของดาวถ่วงดุล ทำให้โลกเคลื่อนมาอยู่ที่กึ่งกลางอีกซีกหนึ่งของจักรวาล
- พลังงานดึงดูดหรือเส้นแรงแม่เหล็กถูกความว่างกลืนกิน ทำให้เกิดช่องว่างในทะเลเป็นสาเหตุทำให้ทวีปแอตแลนตีสจมหายไป
- ส่งผลทำให้แกนโลกชี้ไปทางทิศเหนือ
- ภาพคนหัวเราะหันหน้าเข้าหากัน หมายถึง ความสมดุลได้คืนกลับสู่ระบบสุริยะ ความสุขจึงเกิดขึ้นกับมวลมนุษย์อีกครั้ง
- หมายถึง แนวทิศตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ระหว่างกาแลคซี่ทางช้างเผือกและกาแลคซี่ไตรแองกุลัม เป็นทิศที่พลังงานซึ่งมีค่าเป็นลบของกาแลคซี่ทางช้างเผือกจะถูกรีดเป็นเส้นตรง และพุ่งขึ้นไปชนปะทะกับพลังงานที่มีค่าเป็นบวกของกาแลคซี่อันโดรเมดา