วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สมเด็จพระบรมธรรมบิดาโปรดเมตตาประทานพลังแสงทิพย์อริยทรัพย์


ในช่วงเวลาที่เกิดกลียุค วาตะภัย ไฟบรรลัยกันต์จากสารเคมี จากอาวุธนิวเคลียร์ที่ทดลองใช้  รวมกับมนุษย์สร้างอาวุธประหัตประหารกันเอง  เกิดภัยธรรมชาติแปรปรวนทำให้ผู้คนล้มตายกันมากมาย  ผู้ที่ได้รับแสงทิพย์นิพพานนับว่าเป็นผู้โชคดี มีบุญมหาศาล  จะปลอดภัยจากอันตรายทุกชนิด  ถ้าหมดอายุขัยก็มีสวรรค์เป็นที่ไป  บุญใหญ่ในที่นี้ก็คือ บุญพลังแสงทิพย์จะปิดกั้นประตูนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานได้แน่นอน  วิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีก้าวไกลอย่างไรก็ไปไม่ถึงสวรรค์ นิพพาน การแสวงหาจิตธรรมญาณเดิม คือจิตพุทธะประภัสสรเป็นจิตนิพพานมากาลก่อน  เป็นของที่นำความสุขใจสุขกายในชาตินี้  ดีกว่ามีอำนาจวาสนา วิชา เงินทอง ความก้าวหน้าในโลกทั้งหมดทุกสิ่งเป็นของสมมุติแปรปรวนสูญสลายทั้งสิ้น  จิตเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ตัวจริงของเรา  กายเน่าเหม็นเป็นของปลอม  การบรรลุมรรคผลไม่ใช่ของยาก  การปฏิบัติก็ทำให้จิตใจให้ใสสะอาด  ไม่หลงไหลในกายเรากายเขา  จิตแรกเริ่ม เป็นจิตพุทธะประภัสสร เป็นจิตพระอริยเจ้ากันทุกคน  จิตเดิมแท้ไม่ยึดเหนี่ยวไม่เกาะเกี่ยวในของสมมุติที่เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ คือร่างกายของคนสัตว์ การบำเพ็ญธรรมจึงควรบำเพ็ญด้วย จิตใจ เอาจิตสำรวม กาย วาจา ใจ ให้งดงามมีเมตตา วางเฉย เบิกบาน จิตเป็นพุทธะ มาก่อนแล้วทุกคน จิตพุทธะก็มาจากแดนทิพย์นิพพานบ้านที่แท้จริง
100 คนที่ได้รับแสงทิพย์นิพพาน มี 5 % ที่บำเพ็ญธรรมเข้าถึงนิพพาน อีก 95% ตายแล้วไปพักอยู่สวรรค์  รอเวลาองค์สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสรู้  จึงลงมาเกิดรับฟังพระธรรมเทศนา  บำเพ็ญต่อเข้าพระนิพพาน  สมัยองค์สมเด็จพระพุทธทีปังกร ช่วยจิตคนเข้านิพพานได้ 200 ล้านดวง  สมัยองค์พระศรีอาริยเมตไตรยช่วยจิตคนเข้านิพพานได้ 2 พัน 600 ล้านดวง
อริยสัจ 4 ประการ คือ ความจริงที่ยกระดับคนเป็นอริยบุคคลได้
  1. มองเห็นว่าร่างกายคน สัตว์ มีแต่ความแปรปรวนเป็นทุกข์
  2. เข้าใจสาเหตุแห่งทุกข์ว่าจิตใจไปหลงยึดติดร่างกายทำให้เกิดทุกข์ (สมุทัย)
  3. นิโรธ จะดับทุกข์ทางใจได้ก็ด้วยการสละละปล่อยวางร่างกายออกจากจิต ไม่หลงยึดติดกายอีกต่อไป
  4. มรรค หนทางเดินแห่งความสุขยอดเยี่ยมของจิต คือ นิพพาน เป็นธรรมญาณ อาศัยกายเนื้อชั่วคราว จิตธรรมญาณ มุ่งนิพพาน เป็นจุดหมายปลายทางของชีวิต
พลังแสงทิพย์อริยทรัพย์  คือ แสงทิพย์จากนิพพานที่พระผู้เป็นใหญ่องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา โปรดประทานอริยฐานะให้แก่ทุกๆคน จากปุถุชนเลื่อนขึ้น 1 ขั้นครั้งเดียวเป็นโสดาปฏิมรรค แล้วให้ปฏิบัติธรรมกันต่อไป  ใครได้โสดาปฏิผลแล้ว พระองค์ท่านก็เลื่อนขั้นต่อขึ้นไปอีกขั้น คือ สกิทาคามีมรรค ทำให้ง่ายต่อการปฏิบัติเพื่อเป็นพระอรหันต์เร็วไว และเพื่อนำจิตใจของปวงชนมนุษย์เข้ากระแสพระนิพพาน  ผลบุญนั้นก็มี พลังทิพย์แผ่ถึงบรรพชน 7 ชั้น และลูกหลานอีก 9 ชั้น ได้บุญบารมี ให้บรรพบุรุษลูกๆหลานๆ 7-9 ชั้นได้ทุกๆชาติ ที่เคยร่วมเกิดด้วยกันมา ทั้งเป็นเทพ คน สัตว์ เวียนว่ายตายเกิดหลายๆแสนชาติมากันแล้วทั้งสิ้น
การบำเพ็ญธรรม คือ ทำจิตเราให้เข้าถึงจิตเดิมแท้ ทำจิตให้นิ่งเฉย เบิกบานเป็นธรรมญาณที่วิเศษ  กายแท้ซ่อนเร้นอยู่ในกายเน่าเหม็นสมมุติ จิตเดิมแม้เป็นจิตสะอาดว่องไว มีเมตตา มีพลังอภิญญาสมาบัติ สภาวะธรรมชาติอันเดิมของจิต คือ วิมุตติจิต ให้หมั่นระลึกถึงพระนิพพานไว้ วิมุตติจิตอยู่เหนือธรรมชาติในโลกนี้ จิตจะมีพลังบริสุทธิ์เลิศล้ำ เมื่อหมั่นระลึกถึงองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา  และองค์พระศาสดาสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นกรรมฐานที่ถึงพระนิพพานได้รวดเร็วเกินคาด พ้นทุกข์ได้ง่ายมากเพราะจิตเดิมสะอาด ฉลาดล้ำเลิศ ผู้รับพลังแสงทิพย์อริยทรัพย์คือผู้ได้รับอภิญญาใหญ่ง่ายๆ  โดยไม่ต้องฝึกฝนให้ยาวและยาก (1)
การได้รับอริยทรัพย์หรือได้รับอริยฐานะทางธรรม  ถือว่าท่านมีอิทธิฤทธิ์แล้ว คือ บุญฤทธิ์เป็นอภิญญาใหญ่ทางจิตทางธรรม  ดียิ่งกว่า อภิญญาทางกาย การบำเพ็ญธรรมก็เพื่อให้จิตถึงความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด จิตมีอาสวักญาณ คือ จิตสดใสหลุดพ้นหนีภัยอันตรายจากวัฏฏะสงสาร จิตเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มีพระนิพพานในชาตินี้ได้ง่ายๆ
ผู้ที่ฝึกมโนมยิทธิมีจิตเป็นทิพย์  สามารถสัมผัสในสิ่งที่ตามองไม่เห็น  เช่น ผี สวรรค์ นิพพาน ได้แล้ว ท่านเรียกว่ามีอภิญญาเล็กเป็นโลกียอภิญญา หรืออภิญญาห้าในอภิญญาหก ขาดตกอริยญาณ หรืออาสวักญาณอย่างเดียว
ผู้ที่ได้รับพลังแสงทิพย์อริยทรัพย์ คือ ผู้ได้รับอภิญญาใหญ่เร็วไว โดยไม่ต้องฝึกฝนให้ยาวนาน  ได้ง่ายๆจากองค์พระบรมธรรมบิดาจากองค์พระศาสดาทุกๆศาสนา  ถือว่าท่านมีอาสวักญาณ เป็นโลกุตระอภิญญาเรียกว่า อภิญญาหกเป็นการตัดอบายภูมิทั้ง 4 ได้  ปฏิบัติจิตไม่หลงไหลติดใจใน 3 โลก  จิตมีอิสระเสรีภาพ ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส ตัญหา อวิชชา อุปาทานและ บาปกรรมอีกต่อไป  ก่อนตายพระเบื้องบนจะมารับจิตวิญญาณไปสวรรค์ นิพพานตามวาสนาบารมีหลังตายศพจะอ่อนนิ่มไม่แข็งทื่อ  ใบหน้าผู้ตาย จะยิ้มสดชื่นเหมือนคนนอนหลับศพไม่เน่าเหม็นไม่ต้องแช่เย็น
เมื่อได้รับพลังแสงทิพย์อริยทรัพย์แล้ว จะฝึกมโนมยิทธิได้ง่ายมากด้วยตนเอง  โดยการอธิษฐานขอบารมีพระศาสดาของท่าน แล้วจับความรู้สึกสัมผัสอันแรกว่าจิตเป็นแก้วใส มีประกายแสงสว่างไสวงดงาม  ให้น้อมจิตนึกกราบเคารพอธิษฐานขอพระบารมีองค์พระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา  โปรดเมตตาประทานวิสุทธิพุทธอนุญาต  ให้ดวงจิตที่สะอาดสดใสของลูกเข้าไปอยู่ในท้อง ในพระวรกายพระบรมธรรมบิดาตามในภาพหน้าปก (หน้าแรก) หนังสือนี้  นึกคิดเอาว่า กายทิพย์เราเป็นจุดเล็กๆขอนั่งอยู่บนดอกบัวแก้วที่กายทิพย์เรานั่งไหว้พระสวดมนตร์ ภาวนา หมุนรอบๆเวียนขวาตามเข็มนาฬิกาเป็นทักษินาวัตร หมุนตลอดเวลา(ในความเร็วคลื่น alpha เร็วกว่าคลื่นแสงจากดวงอาทิตย์ 10 เท่า หรือเท่าๆกับคลื่น alpha ที่จักระทั้ง 12 จุดในร่างกายของเราใช้อยู่ ) จนกว่าร่างกายมนุษย์จะสิ้นสุดตายไป 
ขอให้ดอกบัวแก้วหมุนเป็นการโมทนาสาธุ  และเคารพรักบูชาแด่องค์พระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา  อีกทั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆพระองค์ พระศาสดาทุกๆศาสนา พระธรรม พระอริยสงฆ์ คุณพ่อ คุณแม่ทุกๆชาติ หมุนเพื่อสลัดกิเลสตัญหา อวิชชา อุปาทาน ให้หมดสิ้นจากจิตใจ หมุนต่อไปเต็มกำลัง เพิ่มพลังบารมี 10 ทัศ เป็นการตัดกิเลส ตัณหา  อวิชชา เครื่องร้อยรัดเราให้มาเวียนว่ายตายเกิด คือสังโยชน์ 10 ให้หมดไปโดยอัตโนมัติ หมุนแผ่เมตตาให้ปวงพี่ๆ น้องๆทั้งหมด ในสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก มีนรกโลก มนุษย์โลก เทวพรหมโลก แรงดอกบัวแก้วหมุนตลอดเวลาไม่ว่าหลับหรือตื่น เพื่อดึงดูดคนดีมีศีลธรรมเข้ามารับพลังแสงทิพย์นิพพาน หมุนไล่เสนียดจัญไร โรคภัยไข้เจ็บ กฏแห่งกรรม คนร้าย ให้ห่างไกลวงจรชีวิตของลูก  เพื่อลูกจะได้มีปัญญาช่วยชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ตามความสามารถของลูกจะพึงทำได้
แนวทางปฏิบัติ 5 วิธี ที่จะช่วยสรรพสัตว์เข้าอริยมรรค พ้นอบายภูมิทั้ง 4
  1. กำหนดจิตนิ่งๆ นึกถึงภาพพระบรมธรรมบิดา ตามหน้าปกหนังสือ ขออัญเชิญพระองค์ท่านมาประทับอยู่ บนศรีษะเต็มหน้าเต็มตัว พร้อมกับภาวนาพระคาถา นะ โม พุท ธายะ หายใจเข้า-ออก ตามสบาย แล้วอธิษฐานขอพลังแสงทิพย์นิพพานใสสว่างยิ่งกว่า ดวงอาทิตย์ พุ่งเข้ามาในดวงจิตที่เป็นแก้วสดใส ให้มีประกายเพชรงดงาม จากนั้นอธิษฐานขอจิตเป็นดอกบัวแก้ว หมุนเวียนขวาด้วยความรักเคารพบูชาโมทนาบุญกุศล ขอหมุนเพื่อตัดร่างกายที่เป็นโทษทุกข์ออกจากจิตสะอาด  เพื่อกำจัดกิเลส  อุปาทานขันธ์ทั้ง 5 ให้หมดไปเร็วไว  หมุนเพื่อแผ่เมตตาฝากไปกับแสงทิพย์ให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก ได้โมทนาบุญหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เข้าพระนิพพานโดยฉับพลันทันใด
  2. อธิษฐานขอทุกท่าน เทพ พรหม คน ผี ได้เห็นโมทนาบุญ ที่เรามีองค์พระบรมธรรมบิดา พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับคลุมร่างกายเราตลอดเวลา บนศรีษะเต็มหน้าเต็มตัว  ไม่ว่าหลับหรือตื่นเป็นสมาธิภาวนาจิตเป็นฌาน 4 ใช้งาน
  3. ขอแบ่งกายทิพย์อีก 1 องค์ จากเบื้องบนพระนิพพานมาตามพลังแสงทิพย์อริยทรัพย์กับแสงฉัพพรรณรังสี หมุนกายทิพย์  จิตทิพย์อยู่เหนือโลกมนุษย์ ให้ทุกๆดวงจิต ผี คน เทวดา ได้รับทุกๆจุด เพื่อให้โลกอยู่เย็นเป็นสุขสบาย กลับกลายเป้นสวรรค์นิพพานบนดินดังเดิม ตามที่องค์สมเด็จพระบรมธรรมบิดา ทรงโปรดสร้างขึ้นมาไว้แต่แรกเริ่ม
  4. ท่านใดก็ตามที่ต้องการเพิ่มบุญบารมี ตัดสินใจไปช่วยงานพระศาสดาด้วยพลังแสงทิพย์นิพพานให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก ได้รับต่อๆกันไป อย่าได้กังวลใจว่า ตัวเรามีวาสนาบารมีน้อย ไม่สามารถช่วยให้ผู้อื่นหรือสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก ให้ได้รับพลังแสงทิพย์ของพระองค์ท่าน ได้เต็มกำลัง ขอให้ทุกท่านทุกคนมีความมั่นใจว่าพลังแสงทิพย์นิพพานเป็นแสงทิพย์แห่งธรรม เป็นงานของพระเบื้องบนตัวเราเป็นสื่อให้ผู้อื่นเท่านั้น ทุกท่านจะได้รับทั้งหมด ไม่มีข้อยกเว้น เพราะเป็นงานขององค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา โปรดมีพระมหาเมตตาให้ได้รับทั้งหมดทั้ง 3 โลก เพียงแต่ พระองค์ท่านต้องการให้มนุษย์ทุกๆคน ที่มีขันธ์ 5 เป็นสื่อกลางให้พี่น้องทั้ง 3 โลก ได้รับผลบุญบารมีของพลังแสงทิพย์อริยธรรม    ขององค์พระบรมธรรมบิดาตลอดเวลาที่เราได้แผ่เมตตา (2)
  5. อธิษฐานขอให้ผู้ที่ได้เห็นวัตถุมงคลทุกชนิดทั้งพระพุทธรูป วัดวาอาราม พระเจดีย์ พระเครื่อง โบสถ์ มัสยิด ไม้กางเขน หนังสือธรรมะ พระคัมภีร์ อีกทั้งตั้งจิตอธิษฐานให้ แสงสว่างแสงไฟ แสงอาทิตย์ แสงไฟนรก แสงทิพย์จากเทพ พรหมโลกเบื้องบน ขอเปลี่ยนเป็นแสงทิพย์อริยธรรมทั้งหมด ไม่มีข้อยกเว้น เพราะเป็นงานขององค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา โปรดมีพระมหาเมตตาให้ได้รับทั้งหมดทั้ง 3 โลก ได้เห็นแสงสว่างทุกชนิด แล้วมีจิตนึกถึงบุญกุศลคุณงามความดี หรือนึกถึงคุณงามคงวามดีไม่ได้ก็ตาม อย่างเช่นสัตว์นรกที่อยู่ในขุมไฟ ก็ขอพลังแสงทิพย์นิพพานโปรดไปกระตุ้น ดลจิตดลใจให้เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย นึกถึงคุณงามความดีให้ได้ เพื่อจะได้รับบุญจากพลังแสงทิพย์นิพพาน จะได้พ้นโทษทุกข์จากบาปกรรมในนรกเร็วไว ไปสวรรค์นิพพานได้รวดเร็วทันใจ และผู้ที่มีจิตเป็นกุศลระลึกถึงองค์พระศาสดาของท่าน ก็ขอให้ได้รับพลังแสงทิพย์อริยธรรมนี้ทุกๆคน รวมทั้ง ผี เทวดา ในโลกนี้                       
(1)     เช่นการปฏิบัติ สมถะวิปัสสนาแบบเดิม และวางใจเป็นอุเบกขา  เมื่อมีพลังงานมากถึงจุดหนึ่งก็จะเกิดการระเบิด ที่หลายๆท่านอาจได้สัมผัสมาแล้ว  สำหรับ  แรงดัน จะมีคำอธิบายจากพระผู้ได้ญาณทัสสนะแล้วดังนี้
แรงดัน เป็นอุบายให้วางจิตไว้ตรงกลางระหว่าง 2 ส่วน เช่น สมองกับใจ, ใจกับเวทนา, บาปกับบุญ, ขาวกับดำ ฯลฯ สะสมความเป็นกลางให้มากขึ้นๆๆ ความเป็นกลางอาจจะขยายใหญ่ขึ้นๆ จนระเบิด หรือขยายใหญ่ขึ้นจนสามารถทำลายได้ทั้งสองส่วน (พระพุทธองค์ท่านทรงตรัสรู้ด้วยวิธีเดียวกันนี้ ท่านวางจิตไว้ระหว่างรูปกับอรูป) และด้วยเหตุผลเดียวกับการใช้แรงเฉื่อย หรือแรงเหวี่ยง ให้มากกว่าโลก 1 วินาที  ก็นำมาฝึกปฏิบัติฯในเวลานี้ได้ยากเช่นกัน