วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

ข่าวดีจากหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด


ข่าวดีจากหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด  จะขออนุญาตคัดลอกเฉพาะบางส่วนนำมาให้ลูกๆหลานๆของหลวงปู่ศึกษาพิจารณา  เป็นบางช่วงของการสนทนาของหลวงปู่ทวดในแดนที่พักปัจจุบันของหลวงปู่ กับคุณไพศาล แสนไชย และเจ้าพญาพิงคราช ที่ได้มานำจิตวิญญาณ ของคุณไพศาล เดินทางไกลไปพบหลวงปู่ยังที่พักของท่าน 
ต่อไปนี้เป็นคำสนทนา 
"หลวงปู่ได้ธุดงค์มาจนถึงน้ำตกทรายขาว  ก็ได้บำเพ็ญธรรมอยู่ที่นั้นระยะหนึ่ง  น้ำตกนี้นะเย็นดีเหมือนอยู่สรวงสวรรค์" 

"ผมยังไม่เคยไปน้ำตกทรายขาวเลยครับ" ไพศาลพูด  "ไปเสียนะ" หลวงปู่ทวดตอบ  "ครับ ถ้าผมว่างผมจะไป"  "เสร็จจากนั้น หลวงปู่ก็ได้ธุดงค์มาเรื่อยๆ  จนถึงวัดพระโคะ  หลวงปู่มามองเห็นวัดนี้  ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่โบราณ  และกำลังทรุดโทรม  จึงได้มาทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ ขึ้นมาใหม่ เช่นสร้างพระวิหาร อุโบสถ ธรรมศาลา และได้บูรณะพระศรีรัตนธาตุ สูง 1 เส้น 5 วา(ในสมัยโบราณ เครื่องทุ่นแรงก่อสร้างไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน พระศรีรัตนธาตุแห่งนี้จึงสูงเด่นมากทีเดียวในยุคนั้น)
เมื่อบูรณะเสร็จ  หลวงปู่ได้นำเอาลูกแก้วที่เป็นของคู่บุญของท่าน ที่มีพญางู (เทวดาจำแลง)  นำมาให้สมัยที่ยังเป็นทารก  มาบรรจุไว้ที่ยอดพระเจดีย์  และหลวงปู่ก็ได้ตั้งชื่อพระเจดีย์นี้ใหม่ว่า "สุวรรณมาลิกะเจดีย์ ศรีรัตนมหาธาตุ"  ซึ่งเรื่องนี้คนในเมืองมนุษย์ก็รู้เรื่องเช่นเดียวกัน
ระยะเวลาจากเมืองอโยธยา (อยุธยา)  มาถึงวัดพระโคะ  หลวงปู่ใช้เวลาธุดงค์มาเรื่อยๆ 3 เดือนกว่าๆหลวงปู่ได้พูดขึ้น
หลวงปู่ทวดได้พำนักและปฏิสังขรณ์วัดพระโคะจนเสร็จสมบูรณ์ดีแล้ว มีวันหนึ่งสามเณร "บุญรอด"  มาหาหลวงปู่ ก็ได้สอบถามดูว่า มีธุระอะไร  จึงได้รู้จากสามเณรว่า ได้นำดอกไม้มาดอกหนึ่ง ถามใครก็ไม่รู้จักดอกไม้นี้เลย  หลวงปู่จึงได้ถามออกมาว่า "ดอกไม้อะไรที่ไหน"  เณรจึงดึงดอกไม้นั้นออกจากผ้าที่ครองอยู่  หลวงปู่จึงได้รู้ว่า ดอกไม้นี้คือ ดอกมณฑาสวรรค์  ซึ่งเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมมากกว่าดอกไม้ทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกมนุษย์
ดอกไม้นี้เมื่อสมัยมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์  หลวงปู่ได้นั่งสมาธิเข้าฌานสมาบัติจนถึงที่สุด  จึงได้ไปพบเห็นดอกมณฑาสวรรค์  "ไพศาลเห็นต้นและดอกมันไหม"  หลวงปู่ถามขึ้น  ไม่เคยเห็นครับ  "ผมตอบ"
"ไม่เห็นอย่างไร  ก่อนที่จะมาถึงที่นี้  ต้นไม้ที่อยู่หัวถนน 2 ต้นนั้นอย่างไร "หลวงปู่บอก  ผมจึงตอบว่า  "อ๋อ ครับ ผมเห็นแต่ก็ลืมไป"  "หลวงปู่ทวดหัวเราะขึ้น  ส่วนสามเณรน้อยคือ เณรบุญรอดเมื่อรู้ว่า  หลวงปู่รู้จักดอกไม้อันนี้  จึงได้ก้มลงกราบหลวงปู่ทวด  ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา  เพราะว่าเณรน้อยบุญรอด  เข้าใจว่าผู้ได้รู้จักดอกไม้นี้ ผู้นั้นคือพระ....เออ หลวงปู่ตอบไม่ได้ รู้สึกไม่ดีต่อหลวงปู่เอง  เพราะหลวงปู่อยู่ในเพศอย่างนี้  ให้ท่านพญาพิงคราชช่วยตอบให้ที  ให้หลานไพศาลรู้หน่อยเถอะ"
พญาพิงคราชจึงได้ตอบแทนหลวงปู่ทวดขึ้นว่า  "ผู้ใดรู้จักดอกมณฑาสวรรค์นี้ ผู้นั้นคือ "พระศรีอริยะเมตตรัย"  ผู้จะได้มาโปรดโลกมนุษย์ในภายภาคหน้า  ต่อจากศาสนาพระพุทธเจ้าโคตะมะ  ซึ่งความเข้าใจของเณรบุญรอดองค์นี้ถูกต้อง
ด้วยเหตุนี้เองหลวงปู่กลัวเรื่องดอกมณฑาสวรรค์ จะแพร่ออกไปเพราะเมื่อแพร่ออกไปชาวบ้านชาวเมืองได้รู้จะต้องมารบกวนถามจากหลวงปู่ และสามเณรบุญรอดนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด  จึงได้พาเณรบุญรอดเข้ากุฏิ  และได้เข้าฌานสมาบัติ
ตอนที่เข้าสมาบัตินั้นหลวงปู่เข้าได้คนเดียว  เณรทำไม่ได้  หลวงปู่ต้องบอกวิธีลัด  จึงทำให้หายตัวออกไปจากกุฏินั้นได้  แล้วได้ไปปรากฏตัวใหม่ (กายใหม่)  ที่มีคนเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้ว  ได้ทำการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ณ ที่นั้นๆด้วย
หลวงปู่ได้เผยแพร่ธรรมะ จนถึงเมืองไทรบุรี  จึงได้สร้างและบูรณะวัดขึ้นมาวัดหนึ่งชื่อ "วัดโกระไหน"  เมื่อสร้างเสร็จ  หลวงปู่ก็ได้บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ ณ ที่นี้จนสิ้นอายุขัยเมื่อเดือน 5 ขึ้น 15 ค่ำ ปี พ.ศ. 2215 อายุได้ 90 ปีเต็ม  อ่านบทสนทนาทั้งหมดในคราวนั้นได้ที่ http://www.thai2handlh.com/UserFiles/File/Nimit_Paisarn.pdf
นี่เป็นบทสนทนาของหลวงปู่ทวด คุณไพศาล แสนไชย ทูตสวรรค์จากเมืองมนุษย์  และพญาพิงคราช  ถึงเบื้องหลังการอวตาลของพระศรีอริยะเมตตรัย มาช่วยสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ ในระยะสั้นๆ  บรรดาลูกๆหลานๆของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดก็ดี  หรือพระศรีอริยะเมตตรัย ก็ดี  สามารถน้อมจิตอัญเชิญพระองค์ท่าน ให้มาสถิตย์อยู่ที่หน้าฝากระหว่างคิ้วทั้ง 2 ข้างของเรา  ด้วย นะโมตัสสะ... 3 จบ แล้วต่อด้วย  อิติ อิติ นะโมโพธิสัตว์โต อาคันติมายะ อิติภควา  3 วาระ พร้อมใช้จินตนาการให้เห็นชัดเจน
 แล้วจึงขอบารมีของหลวงปู่  เปล่งแสงแห่งบุญบารมี สว่างดุจแสงพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันออกไปรอบตัวเรา ไปทั่วทั้ง 3 โลก  (พร้อมกับใช้จินตนาการของเราตามไป  ให้เห็นแสงสว่างชัดเจนแผ่กว้างออกไปไม่มีที่สิ้นสุด)   พร้อมกับคำภาวนาว่า 
นะโมฯ 3 จบ ต่อด้วย..
อิติ อิติ อิติ โพธิสัตว์
อิติ ติอิ อิติ ติอิ อิติ ติอิ นะโมโพธิสัตว์โต อาคันติมายะ อิติภควา
นะเปิด โมเปิด พุทเปิด ธาเปิด ยะเปิด 
เปิดโลกด้วยนะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ.
                                                                                   .. 3 ครั้ง
ด้วยพลังบุญและเมตตาบารมีของหลวงปู่ทวด  หรือนัยหนึ่งพระศรีอริยะเมตตรัย พระบรมโพธิสัตว์วิริยะบารมีเต็ม 16 อสงไขย กำไรแสนมหากัปล์  ร่วมกับพระเมตตาบารมี และบุญกุศลของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ในภัทรกัปล์ นี้  ปกแผ่ไปกับพระฉัพพรรณรังษี ของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์  ไปถึงยังเทพเจ้า และสรรพวิญญาณทั้งหลายทุกท่าน  ที่เฝ้ากองบุญของข้าพเจ้านาย... อยู่ทั่วทิศทั้ง 6 รวมทั้งเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าทั้งหมด  จงได้โมทนาบุญกุศล และได้รับพลังเมตตาบารมี  ของพระและของตัวข้าพเจ้า   เพื่อความสุขโดยทั่วกัน
และข้าพเจ้าขออโหสิกรรม ต่อเจ้ากรรมนายเวรและพ่อเกิดแม่เกิด และญาติทั้งมวล   ที่ได้เคยล่วงเกินต่อกันมา จะโดยเจตนาหรือไม่ได้เจตนาก็ดี ขอให้ทุกๆดวงจิต จงมีความสุขในคติภพใหม่โดยทั่วกัน  ขอให้บุญกุศลของข้าพเจ้าที่เคยสร้างสมมาทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน  ที่ถูกเปิดออกแล้ว ด้วย นะโมพุทธายะ  จงเปลี่ยนเป็นแก้วแหวนเงินทอง ธุรกิจหน้าที่การงาน นับแต่นี้เป็นต้นไป ให้เจริญรุ่งเรืองสืบไปจนสิ้นอายุขัย  (พร้อมกับจินตนาการความสำเร็จต่างๆให้จิตของเราได้เห็นอย่างชัดเจน ด้วยใจสบายๆ)
สำหรับท่านที่มีศรัทธาและเข้าใจ ในการเปิดบุญเก่าของเรา นำมาให้ผลในปัจจุบันที่เป็นรูปธรรมต่างๆที่กล่าวแล้ว  ให้ทำใจสบายๆ  ไม่ต้องไปกังวล ถึงว่าจะได้เมื่อไรอย่างไร  เป็นหน้าที่ของจิตใต้สำนึก และพลังบุญบารมีของเราที่เป็นอิสระแล้วจากการปิดกั้นของเจ้ากรรมนายเวรได้ถูกเปิดออกแล้ว ด้วยพลังเมตตาบารมีและพลังบุญกุศลของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์และบุญเก่าของเราจะมาให้ผลเอง  ซึ่งเราไม่ต้องไปทราบรายละเอียด  โดยเราก็ทำหน้าที่ของเราไปตามปกติ  แล้วตัวท่านก็จะทราบเอง